ทั้งคณะก็ได้เริ่มออกเดินทางลงใต้ทันที โดยตามแผนการพวกเค้าจะแบ่งเป็นสองส่วนคือให้คนส่วนมากเดินทางกลับไปยังหัวเมืองแดนใต้ก่อน ส่วนสมชายและพวกอีก8คนจะเดินทางไปกับพวกเกรนตามที่คุณหนูขอร้องว่าอยากเดิมทางไปเที่ยวกับพวกเกรนด้วย ซึ่งพวกเกรนไม่ได้ตรงเข้าสู่หัวเมืองแดนใต้ก่อน แต่จะแวะชมหมู่บ้าน2-3หมู่บ้านระหว่างทางสักหน่อย ทำให้เส้นทางการเดินเป็นอ้อมโครงไปมาแทน
"ท่านแน่ใจนะว่าจะเดิมทางไปพร้อมพวกข้า" เกรนเอ่ย
"555 ข้าว่าจะดีมากซักอีก ดูแล้วคุณหนูคงสนุกที่ได้เที่ยวเล่นกับเพื่อนๆนะ เพราะนานๆทีถึงจะได้ออกมาเที่ยวเล่นแบบนี้"
"อืม ฟังดูแล้วคงมีผู้ประสงค์ร้ายต่อนางแยะหรือท่าน ถึงไม่ค่อยได้ออกไปไหน" เพราะเกรนมองแล้วคุณหนูคนนี้ไม่น่าจะเป็นพวกขี้โรคอะไร แต่กับไม่สามารถเดินเที่ยวเล่นไปมาข้านอกบ่อยๆได้
"อืม มันเป็นเรื่องในสำนักนะ" สมชายกล่าวออกเสียงเข้มนิดๆ
"อา ข้าต้องขอโทษที่ถามไปละลาบละล้วงเรื่องภายในแบบนี้"
"ไม่เป็นไรหลอกข้าไม่ถืออะไร 555"
"เอาเถอะอย่างงี้ก็ดี มิเรนจะได้มีเพื่อนหญิงคุยกันบ้าง ได้แลกเปรียบเรื่องราวของสาวๆกันเองน่าจะดีกว่ากับพวกชายหนุ่มแบบข้าอะนะ"
"อืม พวกผู้หญิงนี้มีเรื่องมากมายกันจริงๆนั้นหละ"
"เอาหละ เมื่อตกลงกันได้เราน่าจะเดินทางกันได้หละ คิดว่าค่ำนี้คงต้องพักกลางป่ากัน" เกรนกล่าว
"อืม ข้าก็ว่าเช่นนั้น เพราระยทางที่ไปอีกหมู่บ้านมันอ้อมออกด้ายทิศตะวันออกไปไกลอยู่" สมชายเสริม
"ไปๆ ตามนี้แยกย้ายกันไปได้แล้ว แล้วพวกเจ้าอย่าลืมรายงานกับไปยังท่านเจ้าสำนักด้วยนะ" สมชายสั่งการไปยังรองหัวหน้ากองของตนที่ให้คุมคณะส่วนใหญ่กับไปยังสำนักก่อน
"ครับๆ ข้าจะไม่ให้ท่านผิดหวัง" รองหัวหน้ากองกล่าวแล้วหันไปสั่งลูกน้องให้เริ่มเดินทางไปกัน
หลังจากที่กองหบักเดินทางออกไปกันแล้วพวกเรนก็เริ่มเดินทางตามแผนทางของตนเช่นกัน โดยตอนนี้คณะของเกรนมีพักพวกรวมเกรนแล้ว 12คน กับรถม้าอีก 1คันที่มีกระบะขนาดเล็กพวงท้ายไว้ใส่เสบียงในการเดินทางและสัมภาระบางส่วนของคณะ โดยมีสมชายเป็นคนขับและเกรนนั่งด้านข้าง ทหารแบ่ง 3ส่วนคือ ไปอยู่ซ้ายขวาด้านละ 2คนและด้านหลังอีก 4คน คอยขนาบกระบะพวงเอาไว้
"นานแล้วที่ข้าไม่ค่อยได้ผ่านทางนี้ เมื่อก่อนแถวนี้ถนนยังรุกรังมากกว่านี้ ไม่คิดว่าไม่กี่ปีกับปรับปรุงได้มากขนาดนี้" สมชายที่นั่งคุมรถม้าอยู่กล่าวขึ้นกับเกรน
"เป็นเช่นนั้นหรือ ข้าพึงลงใต้เป็นครั้งแรกนี้หละ ปกติจะรับงานขึ้นเหนือกับตะวันออกนะ" เกรนตอบไป
"งั้นหรือ ความจริงข้าก็เคยขึ้นไปทางหเนืออยู่บ้าง ส่วนมากทางนั้นจะมีอากาศหนาวเย็นตลอดเวลาเลย"
"ใช้ครับ เลยต้องใส่เสื้อผ้าหนาๆหน่อย ทำให้เวลาต่อสู้เนี่ยลำบากไม่น้อยเลย เวลาเจอกับพวกสัตว์ป่าอะนะ"
"อืมๆ ข้าก็ว่านั้นหละ เมื่อก่อนคุ้มกันของขึ้นเหนือเจอพวกหมาป่าแทบแย่เพราะเสื้อที่สวมมันหนาหมุนตัวรับควเขียวลำบากจริงๆนั้นหละ"
"แล้วแดนใต้เป็นไงบ้าง ข้าได้ยินว่าด้านนี้ส่วนมาก สัตว์ป่าจะเป็นพวกที่มีความเร็วเป็นเริส"
"ก็ตามที่เจ้าได้ยินมานั้นหละ ถึงจะมีความเร็วมากกว่า แต่ข้ากับมองว่ามันจัดการง่ายกว่าพวกทางเหนือที่มีความอีดมากกว่ามากนัก เพราะถ้าเราอ่านทางมันได้ก็ง่ายกว่า จึกเดียวจบ"
"งะ มันจะอ่อนอะไรขนาดนั้น" เกรนเบ๊ปากกล่าว
สองชายหนุ่มสนทนาแรกเปลี่ยนประสพการณ์ระหว่างเดินทางกันอย่างสนุกปาก แต่ด้านในรถม้านั้นกับเป็นเรื่องของกินและสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในหมู่บ้านที่จะไป ที่หญิงสาว 2นางกับสาวน้อยที่ย่างเข้าวัยสาวอีกหนึ่งนาง คุยกันอย่างสนุกปาก
"นี่ๆ แล้วที่หมู่บ้านนี้มีอะไรพิเศษบ้างมั้ยคะ" มิเรนถามหมู่บ้านที่กำลังจะไปท่องเที่ยว
"อืม ที่ข้ารู้มาก็จะเป็นการนั่งดื่มชาชมธรรมชาติของป่าไผ่สายรุ้งนะ ที่ป่าแห่งนี้ต้นไผ่จะเปลี่ยนสีไปทุกๆ 10นาที โดยประมาณเค้าว่าสวยมาเลย" เบญจมาศตอบ
"ข้าก็อยากไปดูเหมือนกันได้ยินแต่ที่ท่านพ่อเล่าแต่ไม่ยอมพามาชมสักที" นาริสาเสริม
"อูว คงจะสวยน่าชม ข้าชักอยากเห็นเร็วๆแล้วสิ" มิเรน
"แต่ที่ข้าสนใจคงเป็นการชงชาของที่นั่นหละ เห็นเค้าว่ากันว่ารสชาติจะแปลกกว่าที่อื่นๆนะ" เบญจมาศ
"แต่ในป่าไผ่เนี่ยจะมีลมพัดสบายๆได้หรือคะ ส่วนมากที่ข้ารู้จะขึ้นหนาจนแทบบังลมไปหมด" มิเรนถามขึ้น
"อืม นั้นก็เป็นเรื่องแปลกอีกเรื่องที่แนวไผ่จะขึ้นเรียงกันเป็นแถวยาวหลายๆแถวนะ เหมือนกองทหารยินเรียงแถวเลย และไม่มีต้นที่แตกหน่อออกแปลกแยกแถวด้วย" เบญจมาศกล่าว
"ว้าว น่าสนใจจริงๆ" มิเรนที่ได้ยินยิ่งตาเป็นประกาย อยากรีบไปให้ถึงเร็วๆ
"ใจเย็นๆสิคะ ยังไงวันนี้ก็ใกล้ค่ำแล้วเดี๋ยวสมชายคงสั่งให้หยุดขบวนตั้งค่ายพักแรมแล้วหละ" นาริสาเอ่ยออกมา พรางมองออกไปยังหน้าต่างดูแสงอาทิตย์ที่เลื่อนลงมาจนเกือยโดนต้นไม้ตามแนงทางบังแล้ว
"หยุดดดดดด" แล้วก็เป็นดังคาดเสียงสมชายบอกให้หยุดขบวน พร้อมกับรถม้าที่เคลื่อนที่ช้าลงจนหยุดนิ่ง
"คุณหนูครับ เราจะพักกันตรงนี้ช่วยรอในรถม้าสักพักให้พวกข้ากางเต็นให้ก่อนนะครับ" สมชายกล่าวเข้ามาเข้าในรถม้า แล้วกระโดดลงไปปดม้าจากตัวรถม้าทั้งสองตัว แล้วจูงไปผูกติดกับต้นไม้ให้มันกินหญ้าใต้ต้นไม้นั้น แล้วเดินไปสั่งการลูกน้องตนต่อ
ส่วนเกรนนั้นได้ลงจากรถม้าแล้วไปกางเต้นใกล้ต้นไม้ไม่ห่างจากกลุ่มของสมชายมากนัก โดยมีมิเรนที่ขอตัวลงมาช่วยเกรนกางด้วยทั้งสองมีเพียงเต็นเดียว เดิมทีไม่ได้ตั้งใจจะมีเพื่อนร่วมเดินทางกันแบบนี้จึงไม่ทันคิดถึงสภาพที่คนอื่นจะมองว่าชายหญิงนอนเต็นเดียวกัน
"อืม เอาไงดีไม่ทันคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ แฮะ" เกรนบ่นขึ้น
"ยังไงหรือคะ" มิเรนที่กำลังร่ายมนต์กันสัตว์แมลงใส่เต็นกล่าวด้วยความส่งสัย
"ก็ในสังคมคนแดนใต้ส่วนมากที่ข้าศึกษามา ถ้าชายหญิงที่ไม่ได้แต่งงานกันจะไม่นอนห้องหรือเต็นเดียวกันแบบนี้นะ" เกรนเอ่ยเสียงเครียดนิดๆ เพราะมันจะทำให้มิเรนดูไปในทางไม่ดีในสายตาเพื่อนใหม่ของนาง
"แต่เมื่อคืนเราก็นอนห้องเดียวกันนี้คะ"
"เม่อคืนมันด้วยเหตุจึงเป็นและห้องนั้นเป็นแยกเตียงเลยน่าจะพอเข้าใจได้แต่นี้มันคนละสถานการณ์กันนะ"
"ข้าไม่เห็นสนใจเลย เดี๋ยวข้าไปอธิบายให้พวกนางเข้าใจก็สิ้นเรื่อง"
"อืม สงสัยต้องเอาแบบนี้ไปหละ บอกไปเลยว่าข้าเป็นสามีเจ้า เพียงแต่เรายังไม่ได้แต่งงานกันเท่านั้นดีกว่า แล้วค่อยขอโทษพวกเค้าที่ไม่ได้บอกไปตั้งแต่แรก" เกรนกล่าวออกมา
"ขะ ขะ ข้า เออ ท่านเกรน ข้าไม่คิดว่ามันจะดีนะคะ" มิเรนที่กล่าวออกมาด้วยความแกลงใจ ไม่อยากทำตัวผูกมัดเหมือนนางเป็นเจ้าของเขาผู้เดียว
"เอาเถอะ ข้าเคยบอกเจ้าแล้วนี้ว่าข้าจะดูแลเจ้าตลอดไปนะ ยังไงสักวันเราก็ต้องสมรสกันอยู่แล้ว" เขากล่าวแล้วจ้องมองตานาง สองมือขยับไปกุมมือนางไว้
"ท่านเกรน" นางกล่าวแล้วมองตาเขา
"เอาตามนั้นหละ"
"คะ ขอบคุณมากข้ามีความสุขจริงๆ ที่ได้พบกับท่าน" นางกล่าวพร้อมซบลงอกเขา ดีที่จุดที่เขากางเต็นอยู่ห่างกลึ่มพอสมควรและแต่ละคนก็กำลังวุ่นอยู่กับการกางเต็นของตน จึงไม่ทันสังเกตุการกระทำของทั้งสองคน
แต่มีสานตาคู่หนึ่งจ้องไปยังทั้งสองอย่างเงียบๆ
"คุณหนูคะ คุณหนู คุณหนู ..." เสียงสาวใช้ดังขึ้นมาปลุกให้นางรู้สึกตัวหันไปขานรับ
"อะ เออ มีอะไรหรือ เบญ" นาริสากล่าวออกมา
"ข้าเรียกคุณหนูตั้งหลายหน ท่านมัวแต่เหม่อนั้นหละ ดูอะไรอยู่หรือคะ" สาวใช้เอ่ยด้วยความสงสัยแล้วขยับตัวไปนั่งด้านกับคุณหนูของตน
"ดะ เดี๋ยวสิ" นางจะเอ่ยห้ามแต่ก็สายไปแล้ว
"อา ท่านเกรนกัยมิเรนนี้เอง เอ๋ นี้คุณหนูสนใจท่านเกรนหรือคะ" นางเห็นดังนั้นจึงเริ่มแซวคุณหนูของตนเล่นๆ
"อะ เออ มะ ไม่หลอก จะ เจ้าพูดอะไร พะ เพ้อเจ้อ" นางก้มหน้าที่แดงขึ้น มองสองมือที่กำกระโปรงแน่น แล้วกล่าวอย่างติดขัด
"เอ๋" เมื่อเห็นอาการเช่นนี้มีหรือสาวใช้มากประสพการจะไม่ทราบว่าคำตอบคือใช่
"ชะ ชั่งเถอะ เจ้ามีอะไรอีกมั้ย" นาริสาเบี่ยงเรื่องทันที
"อา ใช่แล้วสมชายบอกว่ากางเต็นเสร็จแล้วให้คุณหนูเข้าไปพักผ่อนได้แล้วคะ อิอิ" สาวใช้กล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มมีเร่กล
"อะ อืม งั้นเราไปกันเถอะ ข้าชักเหนื่อยๆแล้ว" นาริสารีบเปิดประตูออกแล้วเดินไปยังเต็นของตน
"อิอิ สงสัยมีเรื่องสนุกแน่เลย ฮุฮุ" สาวใช้ขำเล็กน้อยออกมาแล้วเดินตามคุณหนูของตนเข้าไปในเต็นทันที
ไม่นานดวงอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าไปมีดวงจันทร์ลอยขึ้นมาทำหน้าที่ส่องแสงสลัวๆเข้ากับบรรยากาศมืดค่ำอย่างน่าชมแทน ผู้ชายทั้งหมดต่างนั่งล้อมวงรับประทานอาหารกันพูดคุยกันหน้ากองไฟที่จุดขึ้นมาเพื่อทำอาหาร ส่วนหญิงสาวนั้นนั่งกินอยู่อีกด้านที่มีโต๊ะสนามวางให้นั้งอย่างสบายๆ เมื่อเวลาผ่านไปต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปทำหน้าทีของตน โดยฝ่ายหญิงมีสาวใช้อาสาจัดการกับจาชามเอง ปล่อยให้คุณหนูนาริสาไปอาบน้ำกับมิเรนที่กระโจนอาบน้ำอย่างง่ายๆที่กางเอาไว้ด้านข้างเต็นของพวกนาง ส่วนฝ่ายชายหลังจากโดนกันไม่ต้องจัดการจานชามแล้วจึงเก็บและจัดการกับเศษอาหารเอาไปฝังยังหลุมที่ขุดเอาไว้เพื่อไม่ให้ส่งกลิ่นเหม็นออกมา แล้วแบ่งยามกันไปเฝ้าเต็นสามกะ กะละคู่โดยเกรนได้อยู่กะสองพร้อมกับนายทหารคนหนึ่งส่วนสมชายนั้นขอกะสุดท้าย เพราะพอหมดกะจะได้ปลุกพวกให้ตื่นแล้วทำธุระยามเช้าต่อได้เลย
เกรนที่ตอนนี้ได้นอนในเต็นของตนคนเดียว เพราะมิเรนโดนชวนไปนอนอยู่ที่เต็นของพวกนาริสา ซึ่งเขาก็ไม่ได้ยื้ออะไรกับคิดว่าน่าจะดีซักอีกที่มิเรนจะได้ไม่โดนมองในแง่ลบ ส่วนมิเรนนั้นก็ไปอย่างเต็มใจเพราะไม่อยากให้เกรนต้องมาวุ่นวายกับการอธิบายเรื่องของตนกับเขา
ดวงจันทร์เคลื่อนตัวมาอยู่เหนือท้องฟ้าอันมืดมิดเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนกะที่สองมาเฝ้าเกรนที่โดนปลุกกำลังนั่งผิงไฟอยู่หน้ากองไฟถึงแดนใต้นี้ในตอนเช้าจะมีอากาศร้อนแต่ตอนเย็นกับมีลมเย็นพัดผ่านอยู่ตลอด ซึ่งถ้ามาอยู่กลางแจ้งแบบนี้มันก็หนาวไม่ใช่น้อยสำหรับเกรนที่ไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามารับสภาพอากาศแบบนี้
"555 เกรนเจ้าจะยอมเสื้อนอกข้าก่อนมั้ยข้ามีสามตัวเลยนะ" ทหารคู่กะกล่าวขึ้น
"อา ไม่เป็นไรหลอกหนาวๆแบบนี้ข้าชอบ แหะๆ" เกรนกล่าวปฏิเสธออกไป
"ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะ ว่าทางใต้อากาศจะเป็นแบบนี้"
"หึหึ ตอนแรกข้าก็เป็นแบบเจ้าหละ แต่พออยู่ไปนานๆก็ชิน เห็นงี้ความจริงข้าเป็นคนทางเหนือนะ"
"เอ๋ แล้วไงท่านลงมาอยู่ที่แดนใต้หละ"
"พูดแล้วเรื่องมันยาว"
"ยังไงกะสองของเราก็พึ่งเริ่มหนิ ท่านไม่ลองเล่าดูหละ ข้าอยากฟังนะ" เกรนเอ่ยออกมา เพราะยังไงเวลาเฝ้ายามยังอีกตั้งนานฟังเรื่องชีวิตของคู่กะซักหน่อยคงฆ่าเวลาไปได้มากโขทีเดียว
"เอางั้นหรือ"
"อืม เล่าเลยท่าน"
"เอาวะ เรื่องมีอยู่ว่า ....." ทหารคู่กะก็เริ่มเล่าเรื่องราวชีวิตของตนตั้งแต่อยู่ทางแดนเหนือแล้วย้ายมาหางานทำที่แดนใต้จนได้พบรักแต่งงานกับหญิงแดนใต้ จึงอยู่กินกันตั้งแต่นั้นมาซึ่งเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วจนเข้าตี1คลึ่งอีกไม่นานก็จะเป็นเวลาเปลี่ยนกะอีกครั้ง
"ข้านะอยากจะได้ลูกชายนะ แต่ทำยังไงก็ไม่ได้สักที"
"แล้วตอนนี้ท่านมีลูกสาวกี่คนหละ"
"หาใครว่าข้ามีลูกสาว"
"ก็ท่านบอกว่าทำยังไงก็ไม่ได้ลูกชายไง" เกรนกล่าวถามแบบงง
"แต่ข้าก็ไม่ได้บอกว่ามีลูกสาวนิ"
"งะ ตกลงท่านยังไม่มีลูก" เขาจึงย้ำคำตอบ
"อืม" นายทหารตอบหน้าตาเฉย
"แล้วพูดยังกะมีแล้วงั้นหละ" เกรนกล่าวพรางทำใบหน้าเซ้งๆ
"555 ก็ข้าไม่ค่อยว่างเลยนี้มีเวลาอยู่บ้านวันสองวันก็ต้องออกเดินทางไปนู่นนั้นตลอด"
"อืม ข้าว่าท่านคงต้องลาพักยาวๆ แล้วลุยปั๊มแบบมาราธานไปเลยรับลองต้องได้ชัว"
"เฮ่ย นี้เห็นข้าเป็นตัวอะไรวะ จะให้จัดแบบมารธานเนี่ย ไม่ใช้ไตรกีฬาโว้ย" นายทหารตอบพราทำปากเบ๊ใส่
"แหมๆ แน่นจำนวนครั้งไงยังไงก็ต้องมีซักครั้งที่โดนหละ" เกรนกล่าวแบบยิ้มๆ ตอบกับไป
"ข้าวะ "
ฉึก !!!
"อ๊ากกกกก"
"ก็ตามที่เจ้าได้ยินมานั้นหละ ถึงจะมีความเร็วมากกว่า แต่ข้ากับมองว่ามันจัดการง่ายกว่าพวกทางเหนือที่มีความอีดมากกว่ามากนัก เพราะถ้าเราอ่านทางมันได้ก็ง่ายกว่า จึกเดียวจบ"
"งะ มันจะอ่อนอะไรขนาดนั้น" เกรนเบ๊ปากกล่าว
สองชายหนุ่มสนทนาแรกเปลี่ยนประสพการณ์ระหว่างเดินทางกันอย่างสนุกปาก แต่ด้านในรถม้านั้นกับเป็นเรื่องของกินและสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในหมู่บ้านที่จะไป ที่หญิงสาว 2นางกับสาวน้อยที่ย่างเข้าวัยสาวอีกหนึ่งนาง คุยกันอย่างสนุกปาก
"นี่ๆ แล้วที่หมู่บ้านนี้มีอะไรพิเศษบ้างมั้ยคะ" มิเรนถามหมู่บ้านที่กำลังจะไปท่องเที่ยว
"อืม ที่ข้ารู้มาก็จะเป็นการนั่งดื่มชาชมธรรมชาติของป่าไผ่สายรุ้งนะ ที่ป่าแห่งนี้ต้นไผ่จะเปลี่ยนสีไปทุกๆ 10นาที โดยประมาณเค้าว่าสวยมาเลย" เบญจมาศตอบ
"ข้าก็อยากไปดูเหมือนกันได้ยินแต่ที่ท่านพ่อเล่าแต่ไม่ยอมพามาชมสักที" นาริสาเสริม
"อูว คงจะสวยน่าชม ข้าชักอยากเห็นเร็วๆแล้วสิ" มิเรน
"แต่ที่ข้าสนใจคงเป็นการชงชาของที่นั่นหละ เห็นเค้าว่ากันว่ารสชาติจะแปลกกว่าที่อื่นๆนะ" เบญจมาศ
"แต่ในป่าไผ่เนี่ยจะมีลมพัดสบายๆได้หรือคะ ส่วนมากที่ข้ารู้จะขึ้นหนาจนแทบบังลมไปหมด" มิเรนถามขึ้น
"อืม นั้นก็เป็นเรื่องแปลกอีกเรื่องที่แนวไผ่จะขึ้นเรียงกันเป็นแถวยาวหลายๆแถวนะ เหมือนกองทหารยินเรียงแถวเลย และไม่มีต้นที่แตกหน่อออกแปลกแยกแถวด้วย" เบญจมาศกล่าว
"ว้าว น่าสนใจจริงๆ" มิเรนที่ได้ยินยิ่งตาเป็นประกาย อยากรีบไปให้ถึงเร็วๆ
"ใจเย็นๆสิคะ ยังไงวันนี้ก็ใกล้ค่ำแล้วเดี๋ยวสมชายคงสั่งให้หยุดขบวนตั้งค่ายพักแรมแล้วหละ" นาริสาเอ่ยออกมา พรางมองออกไปยังหน้าต่างดูแสงอาทิตย์ที่เลื่อนลงมาจนเกือยโดนต้นไม้ตามแนงทางบังแล้ว
"หยุดดดดดด" แล้วก็เป็นดังคาดเสียงสมชายบอกให้หยุดขบวน พร้อมกับรถม้าที่เคลื่อนที่ช้าลงจนหยุดนิ่ง
"คุณหนูครับ เราจะพักกันตรงนี้ช่วยรอในรถม้าสักพักให้พวกข้ากางเต็นให้ก่อนนะครับ" สมชายกล่าวเข้ามาเข้าในรถม้า แล้วกระโดดลงไปปดม้าจากตัวรถม้าทั้งสองตัว แล้วจูงไปผูกติดกับต้นไม้ให้มันกินหญ้าใต้ต้นไม้นั้น แล้วเดินไปสั่งการลูกน้องตนต่อ
ส่วนเกรนนั้นได้ลงจากรถม้าแล้วไปกางเต้นใกล้ต้นไม้ไม่ห่างจากกลุ่มของสมชายมากนัก โดยมีมิเรนที่ขอตัวลงมาช่วยเกรนกางด้วยทั้งสองมีเพียงเต็นเดียว เดิมทีไม่ได้ตั้งใจจะมีเพื่อนร่วมเดินทางกันแบบนี้จึงไม่ทันคิดถึงสภาพที่คนอื่นจะมองว่าชายหญิงนอนเต็นเดียวกัน
"อืม เอาไงดีไม่ทันคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ แฮะ" เกรนบ่นขึ้น
"ยังไงหรือคะ" มิเรนที่กำลังร่ายมนต์กันสัตว์แมลงใส่เต็นกล่าวด้วยความส่งสัย
"ก็ในสังคมคนแดนใต้ส่วนมากที่ข้าศึกษามา ถ้าชายหญิงที่ไม่ได้แต่งงานกันจะไม่นอนห้องหรือเต็นเดียวกันแบบนี้นะ" เกรนเอ่ยเสียงเครียดนิดๆ เพราะมันจะทำให้มิเรนดูไปในทางไม่ดีในสายตาเพื่อนใหม่ของนาง
"แต่เมื่อคืนเราก็นอนห้องเดียวกันนี้คะ"
"เม่อคืนมันด้วยเหตุจึงเป็นและห้องนั้นเป็นแยกเตียงเลยน่าจะพอเข้าใจได้แต่นี้มันคนละสถานการณ์กันนะ"
"ข้าไม่เห็นสนใจเลย เดี๋ยวข้าไปอธิบายให้พวกนางเข้าใจก็สิ้นเรื่อง"
"อืม สงสัยต้องเอาแบบนี้ไปหละ บอกไปเลยว่าข้าเป็นสามีเจ้า เพียงแต่เรายังไม่ได้แต่งงานกันเท่านั้นดีกว่า แล้วค่อยขอโทษพวกเค้าที่ไม่ได้บอกไปตั้งแต่แรก" เกรนกล่าวออกมา
"ขะ ขะ ข้า เออ ท่านเกรน ข้าไม่คิดว่ามันจะดีนะคะ" มิเรนที่กล่าวออกมาด้วยความแกลงใจ ไม่อยากทำตัวผูกมัดเหมือนนางเป็นเจ้าของเขาผู้เดียว
"เอาเถอะ ข้าเคยบอกเจ้าแล้วนี้ว่าข้าจะดูแลเจ้าตลอดไปนะ ยังไงสักวันเราก็ต้องสมรสกันอยู่แล้ว" เขากล่าวแล้วจ้องมองตานาง สองมือขยับไปกุมมือนางไว้
"ท่านเกรน" นางกล่าวแล้วมองตาเขา
"เอาตามนั้นหละ"
"คะ ขอบคุณมากข้ามีความสุขจริงๆ ที่ได้พบกับท่าน" นางกล่าวพร้อมซบลงอกเขา ดีที่จุดที่เขากางเต็นอยู่ห่างกลึ่มพอสมควรและแต่ละคนก็กำลังวุ่นอยู่กับการกางเต็นของตน จึงไม่ทันสังเกตุการกระทำของทั้งสองคน
แต่มีสานตาคู่หนึ่งจ้องไปยังทั้งสองอย่างเงียบๆ
"คุณหนูคะ คุณหนู คุณหนู ..." เสียงสาวใช้ดังขึ้นมาปลุกให้นางรู้สึกตัวหันไปขานรับ
"อะ เออ มีอะไรหรือ เบญ" นาริสากล่าวออกมา
"ข้าเรียกคุณหนูตั้งหลายหน ท่านมัวแต่เหม่อนั้นหละ ดูอะไรอยู่หรือคะ" สาวใช้เอ่ยด้วยความสงสัยแล้วขยับตัวไปนั่งด้านกับคุณหนูของตน
"ดะ เดี๋ยวสิ" นางจะเอ่ยห้ามแต่ก็สายไปแล้ว
"อา ท่านเกรนกัยมิเรนนี้เอง เอ๋ นี้คุณหนูสนใจท่านเกรนหรือคะ" นางเห็นดังนั้นจึงเริ่มแซวคุณหนูของตนเล่นๆ
"อะ เออ มะ ไม่หลอก จะ เจ้าพูดอะไร พะ เพ้อเจ้อ" นางก้มหน้าที่แดงขึ้น มองสองมือที่กำกระโปรงแน่น แล้วกล่าวอย่างติดขัด
"เอ๋" เมื่อเห็นอาการเช่นนี้มีหรือสาวใช้มากประสพการจะไม่ทราบว่าคำตอบคือใช่
"ชะ ชั่งเถอะ เจ้ามีอะไรอีกมั้ย" นาริสาเบี่ยงเรื่องทันที
"อา ใช่แล้วสมชายบอกว่ากางเต็นเสร็จแล้วให้คุณหนูเข้าไปพักผ่อนได้แล้วคะ อิอิ" สาวใช้กล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มมีเร่กล
"อะ อืม งั้นเราไปกันเถอะ ข้าชักเหนื่อยๆแล้ว" นาริสารีบเปิดประตูออกแล้วเดินไปยังเต็นของตน
"อิอิ สงสัยมีเรื่องสนุกแน่เลย ฮุฮุ" สาวใช้ขำเล็กน้อยออกมาแล้วเดินตามคุณหนูของตนเข้าไปในเต็นทันที
ไม่นานดวงอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าไปมีดวงจันทร์ลอยขึ้นมาทำหน้าที่ส่องแสงสลัวๆเข้ากับบรรยากาศมืดค่ำอย่างน่าชมแทน ผู้ชายทั้งหมดต่างนั่งล้อมวงรับประทานอาหารกันพูดคุยกันหน้ากองไฟที่จุดขึ้นมาเพื่อทำอาหาร ส่วนหญิงสาวนั้นนั่งกินอยู่อีกด้านที่มีโต๊ะสนามวางให้นั้งอย่างสบายๆ เมื่อเวลาผ่านไปต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปทำหน้าทีของตน โดยฝ่ายหญิงมีสาวใช้อาสาจัดการกับจาชามเอง ปล่อยให้คุณหนูนาริสาไปอาบน้ำกับมิเรนที่กระโจนอาบน้ำอย่างง่ายๆที่กางเอาไว้ด้านข้างเต็นของพวกนาง ส่วนฝ่ายชายหลังจากโดนกันไม่ต้องจัดการจานชามแล้วจึงเก็บและจัดการกับเศษอาหารเอาไปฝังยังหลุมที่ขุดเอาไว้เพื่อไม่ให้ส่งกลิ่นเหม็นออกมา แล้วแบ่งยามกันไปเฝ้าเต็นสามกะ กะละคู่โดยเกรนได้อยู่กะสองพร้อมกับนายทหารคนหนึ่งส่วนสมชายนั้นขอกะสุดท้าย เพราะพอหมดกะจะได้ปลุกพวกให้ตื่นแล้วทำธุระยามเช้าต่อได้เลย
เกรนที่ตอนนี้ได้นอนในเต็นของตนคนเดียว เพราะมิเรนโดนชวนไปนอนอยู่ที่เต็นของพวกนาริสา ซึ่งเขาก็ไม่ได้ยื้ออะไรกับคิดว่าน่าจะดีซักอีกที่มิเรนจะได้ไม่โดนมองในแง่ลบ ส่วนมิเรนนั้นก็ไปอย่างเต็มใจเพราะไม่อยากให้เกรนต้องมาวุ่นวายกับการอธิบายเรื่องของตนกับเขา
ดวงจันทร์เคลื่อนตัวมาอยู่เหนือท้องฟ้าอันมืดมิดเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนกะที่สองมาเฝ้าเกรนที่โดนปลุกกำลังนั่งผิงไฟอยู่หน้ากองไฟถึงแดนใต้นี้ในตอนเช้าจะมีอากาศร้อนแต่ตอนเย็นกับมีลมเย็นพัดผ่านอยู่ตลอด ซึ่งถ้ามาอยู่กลางแจ้งแบบนี้มันก็หนาวไม่ใช่น้อยสำหรับเกรนที่ไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามารับสภาพอากาศแบบนี้
"555 เกรนเจ้าจะยอมเสื้อนอกข้าก่อนมั้ยข้ามีสามตัวเลยนะ" ทหารคู่กะกล่าวขึ้น
"อา ไม่เป็นไรหลอกหนาวๆแบบนี้ข้าชอบ แหะๆ" เกรนกล่าวปฏิเสธออกไป
"ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะ ว่าทางใต้อากาศจะเป็นแบบนี้"
"หึหึ ตอนแรกข้าก็เป็นแบบเจ้าหละ แต่พออยู่ไปนานๆก็ชิน เห็นงี้ความจริงข้าเป็นคนทางเหนือนะ"
"เอ๋ แล้วไงท่านลงมาอยู่ที่แดนใต้หละ"
"พูดแล้วเรื่องมันยาว"
"ยังไงกะสองของเราก็พึ่งเริ่มหนิ ท่านไม่ลองเล่าดูหละ ข้าอยากฟังนะ" เกรนเอ่ยออกมา เพราะยังไงเวลาเฝ้ายามยังอีกตั้งนานฟังเรื่องชีวิตของคู่กะซักหน่อยคงฆ่าเวลาไปได้มากโขทีเดียว
"เอางั้นหรือ"
"อืม เล่าเลยท่าน"
"เอาวะ เรื่องมีอยู่ว่า ....." ทหารคู่กะก็เริ่มเล่าเรื่องราวชีวิตของตนตั้งแต่อยู่ทางแดนเหนือแล้วย้ายมาหางานทำที่แดนใต้จนได้พบรักแต่งงานกับหญิงแดนใต้ จึงอยู่กินกันตั้งแต่นั้นมาซึ่งเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วจนเข้าตี1คลึ่งอีกไม่นานก็จะเป็นเวลาเปลี่ยนกะอีกครั้ง
"ข้านะอยากจะได้ลูกชายนะ แต่ทำยังไงก็ไม่ได้สักที"
"แล้วตอนนี้ท่านมีลูกสาวกี่คนหละ"
"หาใครว่าข้ามีลูกสาว"
"ก็ท่านบอกว่าทำยังไงก็ไม่ได้ลูกชายไง" เกรนกล่าวถามแบบงง
"แต่ข้าก็ไม่ได้บอกว่ามีลูกสาวนิ"
"งะ ตกลงท่านยังไม่มีลูก" เขาจึงย้ำคำตอบ
"อืม" นายทหารตอบหน้าตาเฉย
"แล้วพูดยังกะมีแล้วงั้นหละ" เกรนกล่าวพรางทำใบหน้าเซ้งๆ
"555 ก็ข้าไม่ค่อยว่างเลยนี้มีเวลาอยู่บ้านวันสองวันก็ต้องออกเดินทางไปนู่นนั้นตลอด"
"อืม ข้าว่าท่านคงต้องลาพักยาวๆ แล้วลุยปั๊มแบบมาราธานไปเลยรับลองต้องได้ชัว"
"เฮ่ย นี้เห็นข้าเป็นตัวอะไรวะ จะให้จัดแบบมารธานเนี่ย ไม่ใช้ไตรกีฬาโว้ย" นายทหารตอบพราทำปากเบ๊ใส่
"แหมๆ แน่นจำนวนครั้งไงยังไงก็ต้องมีซักครั้งที่โดนหละ" เกรนกล่าวแบบยิ้มๆ ตอบกับไป
"ข้าวะ "
ฉึก !!!
"อ๊ากกกกก"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น