วันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2556

การเดินทาง 4 - อดีตที่มาครึ่งหลัง

เมื่อเวลารอบกายได้เดินอีกครั้ง

เกรนรวบรวมสติแล้วสำรวจตัวเองก่อนว่ามีอะไรผิดปกติบ้างหรือไม่ ซึ่งก็ไม่พบอะไรที่ผิดปกติเลย เขาจึงตัดสินใจหันหลังเพื่อที่จะเดินกลับไปยังที่ต้นไม้ที่เค้าจัดสรรไว้เพื่อนอนเก็บไว้ในวันต่อไปของการเดินทาง ระหว่างทางเขาไม่ได้แวะไปไหนตรงมายังต้นไม้ที่เค้าจัดเอาไว้และปีนขึ้นไปนอน แต่ก็ยังขบคิดเรื่องที่ตนไปเจอมาไม่หายจนเผอหลับไปในที่สุด ในขณะที่ความง่วงเข้ามาเยือนจนถึงสุดได้มีเสียงหวานแผ่วเบาๆในหัวของเขา

"นายท่านของข้า...."

ก่อนที่สติของเขาจะดับไปพร้อมกลับราตรีอันหอมหวานบนต้นไม้อีกหนึ่งครา

...

ในรุ่งเช้าของวันใหม่ หลังจากที่เกรนตื่น เขาก็ล้างหน้ากินอาหารแห้งที่เตรียมมาสำหรับเวลาเดินทางและทำธุระยามเช้าตามปกติ แต่ในสมองก็ยังคิดเรื่องเมื่อคืนก่อนไม่หาย

ปัก !!!

"อุบ..."

"ไง เกรนเจ้าตื่นมาตรงเวลาดีนี้ เช้านี้อากาสดีนะ" เป็นพ่อค้าครามนั้นเองที่เข้ามาทักเขาด้วยการตบหลัง

"อา ครับสบายดีครับ พร้อมออกเดินทางได้ทุกเมื่อเลยครับ"

"นี่ข้าจะแนะนำเพื่อนสนิทข้าเมื่อวานคงเจอกันแล้วแต่ข้ามัวแต่คุยกันเพลินจึงลืมแนะนำตัวเจ้าไป เผื่อว่างๆ เค้าอาจเรียกจ้างเจ้าก็ได้"

"ครับๆ"

แล้วพ่อค้าครามก็ขยับตัวไปด้านข้างเผยให้เป็นบุคคลข้างหลัง 2-3คน อย่างชัดเจน

"นี้จากซ้ายมา คามัว เกรมเฮย์, ราฟาเอล อาเบะ และนี้ภรรยาเค้า มิสสเตร่า อาเบะ"

"สวัสดีครับ ยินดีที่รู้จัก" เกรนยื่นมือออกไปจับกับทุกคนตามที่ครามได้แนะนำตัวและเริ่มสนทนาไปเดินทางกันไป โดยมีเกรนนั่งบังคับม้ารถลากอยู่ข้างหน้าอย่างเงียบๆ และทั้ง 4คนที่หลือนั่งอยู่ข้างหลังเขา ส่วนท้ายจะเป็นสัมถาระส่วนตัวของทั้ง 4คน และปลายรถม้ามีหมุดพวงลากเกวียนบรรทุสินค้าอีกต่อ

คามัว เกรมเฮย์ เป็นชายดูสูงอายุพอๆกับครามซักประมาณ 35ปีได้แต่ยังคงรูปร่างหน้าตากำลังดีดูไม่ค่อยแก่มากเหมือนกับชายอีกคนที่ชื่อ ราฟาเอล อาเบะ ที่ดูผอมกว่าแต่เขานั้นสูงกว่าใครเพื่อนที่มีอายุเพียง 32ปีเท่านั้นกับดูว่าเหมือน 40ปีเลยทีเดียว ทั้งคราม ราฟาเอล และคามัว ต่างเป็นเพื่อนกันในสามาคมพ่อค้าแห่งเมือง "โคโรคารา" โดยมีเรื่องที่น่าตกใจอยู่เรื่องเดียวคือ มิสสเตร่า ภรรยาของราฟาเอลนั้น เป็นหญิงคนเดียวกับหญิงที่เริงรักกับครามในเต็นเมื่อวานนี้เอง แต่เกรนก็ไม่ได้คิดที่จะผิปากกล่าวอะไรออกไป เพราะมันคงส่งผลเสียต่อทั้งรายได้ของเขาและการเดินเป็นแน่แท้

...

เวลาได้ผ่านพ้นไป ในที่สุดกองคาราวานก็ได้เดินทางถึงจุดหมายปลายทางโดยสวัสดิภาพ ถึงจะมีการดับปล้นบางเล็กน้อยแต่ด้วยความช่วยเหลือของทหารคุ้มกันจึงผ่านได้ด้วยดี ถึงจะมีบางครั้งที่เกรนต้องออกแรงลงไปจัดการบ้างก็ตามทีส่วนมากเป็นโจรเล็กโจรน้อยจึงไม่มีปัญหาอะไรมากสำหรับเขา

"เอา... เจ้าขนสินค้าเสร็จแล้วหรือเกรน"

"อา ครับผมข่นเสร็จแล้ว เลยจะมารับค่าจ้างและออกไปหาที่พักผ่อนเอาแรงสักหน่อยครับ"

"อือๆ เอานี้ค่าจ้างส่วนที่เหลือของเจ้าที่เราตกลงกันไว้" พ่อค้าครามวางถุงเงินจำนวน 2500ทาไว้บนโต๊ะในห้องทำงานของเขา

ตุบ... เกรนจึงเก็บถุงเงินจากครามมาใส่กระเป๋าสะพายของเขาโดยไม่สนใจที่จะนับ เพราะครามเป็นหนึ่งในพ่อค้าที่สุจริตในการค้าขายมากที่สุดคนหนึ่ง เค้าไม่ชอบให้ใครมาเอาเปรี่ยบและไม่ชอบที่จะเอาเปรี่ยบใครในเรื่องที่ไม่ควรด้วย แต่เกรนก็คิดว่าคงต้องยกเว้นเรื่องเพื่อนรักตีท้านครัวเอาไว้เรื่องหนึ่งหละ

จากนั้นเค้าก็เดินออกจากบ้านของคราม ตรงไปตามทางไม่นานก็มาถึงเขตการค้าที่นี้มีแผงขายของมากมายให้เลือกตั้งแต่ของราคาถูกที่เขาสามารถชื่อได้สบายๆจนถึงของที่แพงหาอยากก็มี เกรนเดินผ่านเขตการค้าแห่งนี้ไปได้สักพักใหญ่ก็มาถึงสวนสาธาณะที่อยู่ด้านประตูทิศเหนือ ซึ่งก็เป็นช่วงใกล้ๆค่ำแล้วจึงไม่ค่อยมีคนมากนัก จะมีก็แต่ทหารยามที่เดินตรวจตราที่นานๆจะเห็นผ่านมาครั้งก็เท่านั้น

เกรนเลือกที่จะนั่งบนม้านั่งใกล้กับต้นไม้ต้นหนึ่ง ซึ่งข้างหน้าสามารถมองเห็นสระน้ำขนาดใหญ่สะท้อนแสงแดดยามพบค่ำได้อย่างสวยงาม อีกทั้งยังมีลมเย็นจากทางเหนือพักผ่านให้เย็นสบายเหมาะแก่การพักผ่อนอย่างยิ่ง เกรนนั่งหลับตาลงฟังเสียงสายลมพักผ่าน เสียงนกร้องยามเย็น อย่างสบายอารมณ์

"อือ อากาศที่นี้ดีจริงๆ มากี่ครั้งๆ ก็ให้ความรู้สึกสบายๆ อา"

"เจ้านายคะ..." แต่ก็มีเสียงหนึ่งแผ่วดังขึ้นมาในหัวของเขา

"หือ.." เขาหันมองซ้ายขวาไปมาอย่างสงสัย เพราะไม่มีใครอยู่แถวนี้แน่ๆ ด้านหลังม้านั่งที่เขานั่งอยู่ก็ไม่มีพุ้มไม้ให้ซ้อนตัวด้วย หรือจะเป็นจากหลังต้นไม้ก็ไม่ใช่ เพราะเสียงนั้นดังเหมือนอยู่ใกล้ตัวเลยทีเดียว

"... เจ้านายคะ ได้ยินที่ข้าพูดมั้ยคะ ? ..."

"แฮ่.. ใครหนะ จงแสดงตนออกมาเดี๋ยวนี้นะ !!!"

"... อา นี้เจ้านายได้ยินที่ข้าพูดแล้วหรือคะ !!!"

"ก็ต้องได้ยินสิเล่นใช้เวทอะไรหละเนี่ย มาพูดใส่หัวชาวบ้านเค้ากันนะ ออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ แล้วข้าก็จำไม่ได้ว่าไปมีสาวใช้ตอนไหนด้วย" (ถึงตูฝันว่าอยากมีก็เถอะ แต่คนมันจนนะเฮย อย่ามาล้อเล่นกันแบบนี้ มันทำร้ายจิตใจกันอย่างแรง T-T")

"ท่าน ได้ยินจริงๆด้วย ไชโย ในที่สุดเราก็สามารถคุยกันได้แล้ว"

"หะ หา นี้ก็คุยกันอยู่แล้วไง ข้ากับเจ้าเรารู้จักกันด้วยหรือ แล้วซ่อนอยู่ตรงไหนหละ ออกมาได้แล้ว"

"คือว่าข้าก็นั่งอยู่ข้างๆท่านเจ้านายนี้หละ ไม่ได้ซ้อนที่ไหนเลยนะคะ"

"เอ๋ ข้าไม่เห็นมีใครเลยนี่ เจ้าอย่างล้อเล่นนะ"

"โธ่ ข้าไม่ได้ล้อเล่นจริงๆนะ ข้านั่งอยู่ข้างๆท่านจริงๆนะคะ"

"ถ้าเป็นจริง แล้วทำไมข้าไม่เห็นเจ้าหละ ฮือ"

"เอ เอ๋ ธรรมชาติ อือ อือ สงบ เอ๋อ ... ข้าคิดออกแล้วท่านต้องทำจิตใจให้ผ่อนคลายเป็นสมาธิแล้วมองมายังที่ข้าสิคะ"

"หือ มันจะใช่หรือนั้น"

"ท่านลองทำดูก็จะรู้เองว่าข้าไม่ได้โกหกเลยคะ"

"ได้ๆ ข้าจะลองดูก็ได้"

เกรนค่อยๆหลับตาลง ปล่อยกายให้ไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก ปล่อยความรู้สึกให้ไปกับสายลม เพ่งจิตไปยังด้านข้างแล้วค่อยๆ เปิดตามองดูด้านข้างเขา

"เป็นไงคะ ท่านเจ้านาย เห็นข้าหรือยัง"

"อือ... "

"ท่านเห็นแล้วใช่มั้ยคะ"

"เปล่าข้าก็ยังไม่เห็นอยู่ดีนั้หละ"

"โธ่ ท่านเจ้านายช่วยลองใหม่ได้มั้ยคะ คราวนี้เอาแบบนิ่งๆ จนบรรลุไปเลย"

"เฮย ถ้าจะเอาแบบนั้น ข้าว่าข้าไปออกบวชไม่ดีกว่าหรือนั้น"

"แหมๆ ข้าแค่เปรียบเทียบไปเท่านั้นหละคะ เร็วสิคะลองดูใหม่"

"ได้ๆ ข้าจะลองทำอีกครั้งดูหละกัน เฮ่อ..."

เกรนค่อยๆหลับตาลงอีกครั้ง และปล่อยกายให้ไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก ปล่อยความรู้สึกให้ไปกับสายลม เพ่งจิตไปยังด้านข้างแต่คราวนี้เค้ารวบรวมสมาธิมากขึ้นกว่าเดิมจนรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่างจากภายในจิตใจนะเขา แล้วเขาค่อยๆ เปิดตามองดูด้านข้างอีกครา

"อือ.. ข้าก็ยังไม่เห็นเจ้านั้นหละ"

"เอ๋.. ยังไม่เห็นอีกหรือคะ ฮือ.."

"ก็นะ"

"สงสัยพลังของท่านเจ้านายจะยังไม่แข็งกล้าพอมั้ง" เสียงปริศนาพึมพัมขึ้นเบาๆ

"พลังหรือ อ๋อ.. ต้องเป็นการเพิ่มพลังตามที่ตาแก่ฮาเดสบอกมาแน่เลย มันเรื่องจริงหรือเนี่ย ไม่น่าเชื่อเลย แฮะ"

"อา นั้นหละค่าท่านเจ้านายต้องไปหาทางเพิ่มพลังก่อนสินะถึงจะเห็นตัวข้าได้"

"แล้วต้องทำไงหละ เจ้าพอรู้อะไรบ้างมั้ยหละ"

"สมัยที่ข้ายังเด็กก่อนจำศีล ท่านพ่อฮาเดสเคยสอนข้าให้จำได้ขึ้นใจเลยว่า วิชาลับต่อไปนี้เป็นสุดยอดวิชาผู้ที่ได้รับไปก่อนเริ่มฝึกฝนต้องทำการรวบรวมส่วนประกอบมาหลอมร่วมกับร่างกายตนเพื่อปรับฐานร่างกายใหม่เสียก่อน"

"อือ ต่อๆเลย"

"โดยของที่ต้องใช้มี 3อย่างคือ เลือดของมังกรจากป่ามินส์ทริน, มุกนิลสีรุ้งจากปลาโบราณแห่งทะเลกาด้า และสุดท้ายผลดันเบลจากป่าทาวีเนีย เมื่อได้ของทั้งสามสิ่งนี้แล้งนำมาบดร่วมกันซึ่งจะเกิดกลิ่นฉุนออกมา แล้วนำไปต้มในหม้อเหล็กที่ทำจากเหล็กกล้าจนกลิ่นหายไปหมดแล้วค่อยนำมากินคะ"

"แล้วมันจะไปเพิ่มพลังของเวทวิชาลับใช้มั้ย"

"คะ ใช่คะ แต่ต่อจากนั้นข้าก็ไม่ทราบแล้ว เพราะโดนสะกดไว้ในไข่แห่งฮาเดสท่านพ่อฮาเดสสร้างขึ้นมาคะ โดยบอกว่าคนที่ท่านส่งมอบไข่ให้นั้นจะมาเป็นเจ้านายของข้า และจะทำให้ข้ามีความสุขตลอดไปคะ"

"เออ... หานี่ข้าฟังไม่ผิดใช่มั้ย เจ้าเป็นลูกของตาแก่นั้นหรือ"

"คะ ข้าเป็นบุตรสาวคนสุดท้องของท่านพ่อฮาเดสจริงๆคะ"

"ตาแก่นั้นคิดอะไรถึงได้เอาลูกตนเองมาใส่ไว้ในไข่ แถมส่งให้เป็นข้ารับใช้คนอื่นอีกเนี่ย งงจริงอะไรจริง เฮ่อ..."

"ข้าก็ไม่ทราบคะ รู้แต่ว่าท่านพ่อทำเพื่อความสุขของข้าจริงๆนะคะ เพราะก่อนที่ข้าจะหลับไปรู้สึกถึงน้ำตาของท่านหยดบนมือด้วยนะคะ"

"ชีวิตเจ้านี้เรื่องมันซัยซ้อนจริงๆ แต่เอาไว้ก่อนเถอะ ตอนนี้เราต้องไปหาของทั้ง 3อย่างที่เจ้าว่ามา เพื่อเพิ่มพลังให้แก่ข้าก่อนจะได้คุยกันแบบเห็นหน้าค่าตากันหน่อย"

"เจ้าคะ"

"งั้นไปกัน ... เออ... แล้วเจ้ามีชื่ออะไรหละ คุยกันมาตั้งนานไม่รู้จักชื่อของเจ้าเลย ส่วนข้าชื่อ ..."

"ท่านเจ้านาย เกรนมอร์ กาโนส เจ้าสินะคะ ตอนที่ต่นมาข้าได้ฟังที่ท่านกับท่านพ่อพูดคุยกันอย่างสนุกสนานอยู่เลย ตัวข้าก็อยากเข้าไปร่วมวงด้วย แต่ติดที่ข้าไม่สามารถออกมาจากไข่ได้เลยได้แต่รับฟังเท่านั้นคะ"

"เออ... ไม่ต้องใส่ท่านเจ้านายก็ได้แค่เรียกว่า เกรน ก็ได้ แล้วเจ้าหละ" (ที่จำได้เราไม่เคยคุยกะไรกะตาแก่นั้นเลยนะ มีแต่ตอบคือถามมาราธน กับโดยจับไข่ยัดอกเองนะ =_=")

"ข้า ข้า คือว่า ที่จำความได้ ข้าไม่มีชื่อหลอกคะ ตั้งแต่เล็กข้าก็อยู่ในห้องคนเดียวจะมีก็แต่ท่านพ่อฮาเดสที่แวะเข้ามาเยี่ยมเยียนพูดคุยเล่นกันก็เท่านั้น และท่านก็เรียกข้าว่าลูกหญิงเท่านั้นคะ"

"อา.. ข้าขอโทษทีนะ"

"ไม่เป็นไรเจ้าคะ ข้าไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรอยู่แล้ว..."

"เออ.. เอางี้ข้าจะตั้งชื่อให้เจ้าหละกัน" ^_^

"จริงหรือคะ" O_O'

"อือ.. จริงๆสิ แต่ข้าไม่เห็นเจ้าเลย ไม่รู้จะตั้งชื่อว่าอะไรดี ถึงจะเหมาะสมกับเจ้านะ"

"ถามเป็นชื่อที่ท่านเจ้า อะ ท่านเกรน ตั้งให้ข้าว่ามันต้องเหมาะกับข้าที่สุดเลยคะ"

"งะ.. งั้นเอา..." (เล่นมาตั้งความหวังซะ แบบนี้ตูสู้ตาย คิดสิคิดเอาชื่ออะไรดีนะ เสียวหวาน นิสัยดูอ่อนน้อม แต่คุยสนุกดี อือ)

"...." (เสียงปริศนา ^_^)

"... อือ .. อา ... " (เกรน =*=)

"......." (เสียงปริศนา ^_^)

"... เอ .. อือ ... เออ ... " (เกรน =*=')
"............" (เสียงปริศนา ^_^)

"อา... ข้านึกได้แล้วต้ฃ่อไปนี้ข้าจะเรียกเจ้าว่า มิเรน หละกัน เพราะมันดูสดใส่และอ่อนหวาน เหมือนที่ข้ารู้สึกได้ตอนคุยกับเจ้าหละ"

"... คะ... ขอบคุณมากๆ เลยคะ" เสียงปริศนากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงดีใจอย่างมาก

"ดีงั้นตามนี้นะ ตอนนี้เราคงต้องไปหาที่พักผ่อนกันหละ แล้วนี้เจ้าหลับยังไงหรือ"

"ข้าก็หลับในตัวท่านสิคะ"

จู่ๆ เกรนก็รู้สึกวูบๆที่หน้าอก

"ราตรีสวัสดิ์คะท่านเกรนที่รัก" ^_^

"เออ.. เอางี้เลยหรือ อือ.. ราตรีสวัสดิ์มิเรน"

กล่าวจบแล้วชายหนุ่มก็เดินออกไปตามทางมุ่งไปสู่โรงแรมที่เค้ามักจะพักประจำเมื่อต้องเดิมทางมาที่เมืองแห่งนี้ด้วยความหวังว่า พลังนี้จะช่วยให้เค้าสามารถทำความฝันของเขาให้เป็นจริงได้

วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2556

การเดินทาง 3 - อดีตที่มาครึ่งกลาง

ไม่ไกลจากเต็นของพ่อค้าครามและแม่นางหยางฟา

ตอนนี้เกรนได้เดินหลบออกมาเพื่อหาที่ระบายความอึดอัดจากที่ได้เห็นการร่วมรักของพ่อค้าครามและแม่นางหยางฟา เขาเดินหาต้นไม้ใหญ่ที่มีกลิ่งใบหนาแน่นเพียงเพื่อหลบซ่อนตัวขณะทำการปดปล่อยความอัดอั่นนี้ สักพักเขาก็พบกับต้นไม้สูงต้นหนึ่งล้อมลอบไปด้วยต้นไม้ขนาดกลางหลายต้น แต่ไม่มีพุ้มไม้เตี้ยๆขึ้นใต้ต้นไม้พวกนั้นมากนั้น เมื่อเขาปีนขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่นั้นแล้วมองสำรวจรอบจนเป็นที่พอใจ เพราะสามารถมองเห็นรอบๆตัวได้ง่ายเหมาะแก่การซ้อนตัวเพื่อปดปล่อย จึงเริ่มปลดเข็มขัดกางเกงและถอดออกแต่ในขณะนั้นเค้าได้ยินเสียงทุมเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหูของเขา เขาจึงถีบตัวหมุนลงไปจากต้นไม้นั้นพร้อมกางเกงที่อยู่ในมือด้วยความตกใจ เค้าจึงชักดาบขึ้นมาแล้วโยนกางเกงไปด้านข้าง ตั้งท่าพร้อมรับการโจมตีตามที่เคยได้รับการฝึกฝนมาจากเหลาทหารที่คลุมกันกองคาราวาน และเหล่าพรานป่าที่ร่วมเดินทางมากัยกองคารางวานตั้งแต่เมื่อครั้งที่เขาเริ่มทำงานแบกหามเข็นของติดตามกองคาราวานในอดีตสะสมเลื่อยๆมาจนปัจจุบันเขามั่นใจว่าฝีมือดาบของเขาอย่างมาก

วูบ วูบ เสียงสายลมพักผ่าน เขาอยู่ในท่านั้นได้ระยะหนึ่งแล้วแต่ยังไม่มีวี่แววของการบุกรุกให้เห็น เขาจึงตัดสินใจสงเสียงถามออกไป

"... ไม่ทราบว่าท่านเป็นใคร โปรดแสดงตัวด้วย ..."
... (เกรน -*-")
... (เกรน =*=")
... (เกรน =_=" อย่าเงียบดิ ตอบกลับมาหน่อย)
วูบ วูบ
... (เกรน >_<" รีบๆออกมาดิ มันหนาวช่วงล่างนะ โว้ย)
...  (เกรน =_=" หรือเราหูแว่วไปเองฟะ)

สุดเกรนจึงคลายท่าดาบรีบหลังไปด้านข้างเพื่อหยีบกางเกงของเขาขึ้นมาเพื่อจะใส่กลับเข้าที่พร้อมกับบ่นกับตัวเองไปด้วย "เสียเซลฟ์จริงๆเลย เราเนี่ย สงสัยหูแว่วไปเอง จริงๆ กลับดีกว่าไม่ฮงไม่หื่นแล้ว เซ็งจริงๆ"

เมื่อเค้าแต่กายเสร็จสายตาดันไปพบกับรอยสัญลักษณ์แปลกบนตัวต้นไม้ที่เค้าเคยปีนขึ้นไปนั้น มันเป็นรูปวงรีในแนวตั้งมีเส้นยึกยือยื่นออกมารอบๆวงรีนั้น ตรงกลางมีวงกลม 2วงอยู่ข้างในวงแรกขนาดพอดีกับความกว้างของวงรีพอดี อีกวงอยู่ตรงกลางวงกลมแรก แต่มีขนาดเล็กเพียง 1ใน10ของวงกลมแรกเท่านั้น ส่วนด้านข้างเลยจากเส้นยึกยือยื่นออกมารอบๆวงรีมีปีกนกทำท่าโอบรอมวงรีนั้นเอาไว้อีกทั้ง 2ข้าง สุดท้ายด้านบนของวงรีมีรูปหัวลูกศรชี้ขึ้นอยู่หนึ่งอันและด้านล่างของวงรีมีรูปหัวลูกศรชี้ลงอีกหนึ่งอัน

"ชั่งเป็นสัญลักษณ์ที่แปลกมาก ข้าไม่เคยเห็นจากในตำราไหนในหอสมุดมาก่อนเลย" เกรนนั้นนอกจากฝึกฝนร่างกายและการต่อสู่แล้วเค้ายังสนใจในเรื่องวงเวทและประวัติศาสตร์อีกด้วย ถ้ามีเวลาว่างจากการฝึกฝนเค้าจะไปยืมหนังสือจากหอสมุดส่วนกลางมาอ่านอ่านบ้านเป็นประจำ

เขาลองเอามือลูบไปบนสัญลักษณ์นั้น เพื่อพิจารณารูปแบบลายเส้นตามนิสัยของผู้ที่มีความรู้ทางด้านการอ่านเขียนวงเวทพื้นฐานทั่วๆไป พั้นใดนั้นบังเกิดวงเวทออกจากตราสัญลักษณ์นั้นเข้าล้อมลอบเขาอย่างรวดเร็วจนไม่สามารถถอยออกห่างจากวงเวทนั้นได้ทัน เขาโดนกักอยู่ในวงเวทนั้นซะแล้ว

"อุบ.. บ้าจริงหรือว่านี้มันวงเวทกับดักหรือ?" เกรนสถบออกมาพร้อมตั้งท่ารับการทำงานของวงเวทนี้ อย่างระวังเพราะไม่ทราบว่าวงเวทนี้จะมีความสามารถอะไรอยู่เมื่อมันทำงานแล้ว

วูบ วู้บ วู๊บๆ ... เสียงวงเวททำงานอย่างต่อเนื่องจนมีเสียงแหลมสูงขึ้นเลื่อยๆ

เกรนเริ่มที่จะมีเหงือออกมมาทั่วตัวจากการเกร็งระวังภัย ทั้งๆที่มีลมพัดเย็นสบายอยู่รอบๆตัว และในไม่ช้ากิ่งก้านใบไม้ที่ร่วงหล่นเพราะแรงลมกับหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหวใด ร่วมถึงธรรมชาติรอบกายเขาเริ่มหยุดการเคลื่อนไหวไปด้วย

"หา.. บ้าแล้ว นี้มันอะไรกันเนี่ย เวลาหยุดหรือ?" เกรนอุทานด้วยความฉงน และเริ่มมองรอบๆกายตัวที่ทุกอย่างหยุดนิ่งทันที เมื่อเขาหันกับมามองยังต้นไม้ตราสัญลักษณ์ได้หายไปจากจุดที่มันเคยออยู่ซะแล้ว

"เฮ่ย.. ตราสัญลักษณ์มันหายไปไหนแล้วหละ"

...

"เจ้าไม่ต้องตกใจไปหนุ่มน้อย" เสียงทุมดังกังวาลดังขึ้นจากทุกทิศทางของเกรน

"ทะ..ท่านเป็นใครกัน โปรดปรากฏกายออกมาเดี๋ยวนี้ !!!"

"555 หนุ่มน้อยเจ้าชั่งกล้าหาญนัก แต่เสียดายที่เจ้าเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ไม่อาจมาสังข้าได้หลอก 555"

"แล้วตกลงท่านเป็นใครหรือ?"

"แฮะ... จะถามชื่อใคร เจ้าก็ครวบอกชื่อของเจ้ามาก่อนสิ หนุ่มน้อย 555" เสียงนั้นยังกล่าวตอบอย่างอารมณ์ดี

"ย่อมได้ ข้ามีนามว่า เกรนมอร์ กาโนส ท่านโปรดเรียกข้าว่า เกรน เถอะ แล้วท่านหละไม่ทราบชื่ออะไร"

"555 ดีๆ ว่านอนสอนง่ายดี ตัวข้านั้นมีนามว่า ฮาเดส เมอริเนอร์เรียน แห่งซาซาเดล แต่ตอนนี้ชีวิตข้าได้ดับสูญไปแล้ว ที่เจ้าเห็นนี้เป็นเพียงร่างเงาที่ข้าแบ่งเอาไว้เพื่อส่งมอบวิทยาการเวทลับที่ข้าคิดค้นได้ก่อนตายเอาไว้ เพื่อจะได้มีคนมาสืบทอกไงหละ เอาคราวนี้เจ้าจงหมอบแทบเท้าข้าซะ 555 555 555 555"

"....." (เกรน =_=")
"555 555 555" (ฮาเดส ^O^)
"....." (เกรน =_=")
"555 555" (ฮาเดส ^O^")
"....." (เกรน =_=")
"555" (ฮาเดส ^o^")

"... ข้าต้องขอโทษท่านด้วยยข้าไม่เคยรู้จัก หรือเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลยนะครับ"

"O_o' หาว่าไงนะ"

"ข้าบอกว่า ข้าไม่เคยรู้จักหรือได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลยครับ"

"บะ...บ้าน่า ข้าผู้ยิ่งใหญ่มีพลังอำนาจและทรัพย์สินมากมายนี้นะ จะไม่มีคนเคยรู้จัก เจอเคยศึกษาประวัติศาสตร์โลกมาบางมั้ยเนี่ย"

"ข้าต้องขอโทษด้วยนะครับ แต่ที่ข้าอ่านๆมาจากในหอสมุกกลางในประวัติศาสตร์โลกเท่าที่จำได้ไม่คุ้นว่ามีชื่อแบบนี้อยู่ในบันทึกเลย"

"เจ้าแน่ใจแล้วหรือ ข้าว่าเจ้าอ่านไม่หมด หรือจำไม่ได้มากกว่า แต่ข้าว่าเจ้าโมเมแน่ๆ ไม่มีทางที่ชื่อข้าจะไม่ปรากฏบนประวัติศาสตร์โลกเลย"

"ข้าว่าข้าอ่านประวัติศาสตร์โลกมาหมดแล้วนะ ไม่เชื่อท่านลองถามมาสิ"

"ย่อมได้ เราจะได้เห็นดีกันว่าเจ้าพูดโกหก ฮึอ..."

จากนั้นเป็นช่วงเวลาชั่วโมงกับการถามตอบประวัติศาสตร์โลก ที่ทั้ง 2 ต่างถามและตอบกันอย่างดุเดือดไม่มีใครยอมใครยาวนานจยเวลาผ่านไป 5ชั่วโมงกว่าจึงได้ผลสรุปออกมา

"แฮกๆ.. ที่เจ้ากล่าวมาถูกต้องตามที่ความทรงจำของข้ามีอยู่หลายส่วน ถึงจะบางส่วนที่บิดเบือนไปบ้างก็เถอะ"

"แตกก็ไม่มีส่วนไหนที่เกี่ยวข้องกับท่านเลยนี้"

"จริงๆด้วยสิ ทำไมส่วนของข้าจึงหายไปหละเนี่ย"

"แล้วท่านทำอะไรหละ ถึงท่านคิดว่าท่านจะได้โดนบันทึกอยู่ในประวัติศาสตร์โลกด้วยเนี่ย"

"555 เจ้าถามได้ดีนี้หนุ่มน้อยด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ของข้าจะสามารถสร้างอาณาจักรสักอาณาจักรยังได้ง่ายๆ"

"O_o' งั้นเมื่อก่อนท่านต้องเคยสร้างอาณาจักรของท่างเองขึ้นมา แต่กลับหายสาบสูญไป โดยไม่ได้บันทึกในประวัติศาสตร์ใช่หรือไม่"

"555 ข้าไม่ทำเรื่องง่ายๆ แบบนั้นหลอก เพราะข้าเองก็มีทรัพย์สมบัติมากมายที่ต้องดูแล ไม่ว่างมาดูแลบ้านเมืองหลอกนะ"

"^_^ งั้นท่านต้องเคยเป็นเศรษฐีร่ำรวยจนลนฟ้าแต่กับโดยคนบางกลุ่มหักหลังฆ่าชิงทรัพย์สินะ"

"555 ไม่ใช่ๆ หลอกข้าไม่ได้ตายอนาถแบบนั้น เห็นอย่างนี้ข้าก็มีวิชาต่อสู้ทั้งมือเปล่าและสรรพาวุธในระดับหาใครเทียบได้อยากเลยนะ"

"=_=' งะ...งั้นท่านคงตายเพราะโดนลูกศิษย์ลอบวางยาพิษเพื่อเอาวิชาลับที่ท่านบอกในตอนต้นใช่มั้ย"

"วะ 555 ไม่ใช่ๆเลย แม้แต่น้อยจะวางยาพิษข้าก็ไม่มีผลหลอก เพราะข้ามีพลังเวทไหลเวียนในกายสูงมากไม่มีพิษชนิดใดจะสามารถสังหารข้าได้หากนะ 555"

"-*-' บะ... แล้วตกลงเดิมทีนี้ท่านเป็นใครและตายเพราะอะไรหละ มาโม้อยู่ได้"

"555 ใจร่มๆ สิหนุ่มน้อย"

 "เออ... ถ้าไม่รบกวนช่วยเรียกชื่อข้าจะดีมากครับ หนุ่มน้อยเนี่ย มันฟังแล้วจักกระจี้หัวใจอะ"

"555 ย่อยได้ๆ ข้ามันคนกันเองอยู่แล้ว ข้าจะเรียกเจ้าว่า เกรน ก็ได้ 555"

"ครับขอบคุณมากๆๆๆ ครับ -*-'"

"มาๆ เข้าเรื่องของข้าดีกว่าประวัติของข้านั้นข้าไม่สนใจอยู่แล้ว"

 "..." (เกรน แล้วจะมาเถียงตูทำไมอยู่ตั้งนานฟะ -*-')

"ที่ข้าต้องการก็คือคนที่จะมาสืบทอดวิชาลับของข้าตั้งหากหละ และข้าก็ได้เลือกเจ้าแล้ว เกรน"

"..." (เกรน หา... O_o' ว่าไงนะ)

"ข้าจะมอบสิ่งนี้แก่เจ้า มันจะหลอมร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้า และเจ้าจงพัฒนาตัวเจ้าให้เก่งกาจมากขึ้นๆจนเป็นหนึ่งในโลก แล้วจงประกาศว่าเจ้าเป็นทายาทหนึ่งเดียวของข้าผู้นี้ ฮาเดส เมอริเนอร์เรียน แห่งซาซาเดล 555555" ว่าแล้วฮาเดสก็นำไข่ขนาดเท่าไข่ไก่?ออกมาจากมือเปล่า

"..." (เกรน ...เออ..ไอ้ไข่กลมๆนี้นะจะมาร่มร่างกับข้า...)

ขณะที่เกรนกำลังตะลึงกับการเอาไข่ไก่?ออกมาจากมือเปล่าอยู่นั้น ฮาเดสได้ผักไข่ไก่?หายเข้าไปในตัวของเกรนโดยไม่ทันให้เค้าได้ตั้งตัว

"อุบ... ท่านทำอะไรนะ อุบ อะ อ้าก.... โอย...."

"=_=' เฮ่อ... ร้องเว่อไปหละ ข้าแค่ส่งไข่แห่งฮาเดส ที่ข้าคิดค้นขึ้นมากับมือเอง ไปร่วมผสานเข้ากับร่างของเจ้าเท่านั้นเองนะ ยังไม่ได้ทำอะไรเลย ร้องยังกะโดนเสียบงั้นหละ"

"หา... เอาแฮะ เจ็บเมื่อกี้แปปๆ ก็หายไปหละ"

"เห็นมั้ย ข้าว่าแล้วมันต้องไม่เจ็บมากมายอะไรจริงๆด้วย แถมยังผสานได้ดีอีกตั้งหาก 555"

"หา... ท่านว่าไงนะ เมื่อกี้ที่ท่านว่านะ"

"ก็ข้าพึ่งเคยทำเป็นครั้งแรก และเจ้าก็เป็นคนแรกและคนสุดท้ายด้วยนะ ไม่เห็นมีอะไรน่าตกใจไปเลย"

"ว้าก... ท่านเอาข้ามาเป็นหนูทดลองเลยนะนั้น ถ้าข้าตายไปจะเป็นไงหละเนี่ย ใครจะรับผิดชอบ หา!!!"

"เอาน่าๆ เจ้าก็ยังอยู่ดีมีสุขนิ ข้าต้องไปหละ"

"แต่..."

"แล้วจงอย่าลืมที่ข้าฝากฝังไว้หละ"

"แต่..."

"อ๋อ... อีกอย่างหลังจากที่ข้าจากไปแล้วเจ้าจะรู้เองว่าการยกระดับของวิชาที่ข้าให้เจ้าไปนั้นต้องทำไงเอง ไม่ต้องเป็นห่วงนะ 555 ข้าไปหละ 555"

"เดี๋ยวก่อนสิท่าน..."

"555 555 555 555 555"

"เดี๋ยว!!!!!!!!"

จากนั้นเกิดแสงสว่างขึ้น พร้อมกับร่างของฮาเดสที่ได้จางหายไปช่วงเวลากับมาเดินเหมือนเดิม เหลือเพียงเกรนที่ยืนตะโกนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่นั้นเพียงลำพัง

การเดินทาง 2 - อดีตที่มาครึ่งแรก

วัน xx เดือน xx ปี xxx

เช้าวันใหม่ที่ในบ้านเก่ารูหนูที่มีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังทานข้าวมื้อพิเศษสุด เพราะสิงที่เค้าได้ทุมเทมานานได้เสร็จสิ้นแล้ว เหลือเพียงรอเวลาให้สิ่งๆนั้น โดนแผดเผ่าจนแห้งได้ทีจนเหลือแต่ผงก็เป็นอันเสร็จสักที

ชั่วเวลาที่รอคอยนี้ชายหมุ่นได้ใช้เวลาว่างรับประทานอาหารแล้วคิดถึงเรื่องราวในอดีตของเขาไป มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 3เดือนก่อน ที่ที่เป็นวันที่ชีวิตของเค้าได้เริ่มเปลี่ยนไปทีละเล็กทีละน้อย

...
...
...

วันนั้นเป็นวันที่อากาศแปรปรวนมากมีทั้ง แดดออก ฝนตก และตบท้ายด้วยพายุ ในตอนดึกๆ ชายหนุ่มกำลังทำงานรับจ้างแบกหามสัมภาระให้แก่พ่อค้าคนหนึ่งซึ่งเดินทางไปกับกลองคาราวาน เพื่อเดินทางไปยังเมืองที่อยู่ทางทิศเหนือ เมือง "โคโรคารา"

"แฮ่... ไอ้หนุ่ม เจ้าอย่างเดินไว้มาก ข้าเดินตามไม่ทันนะโว้ย"

"เอ้า... ท่านก็ถ้าไม่เดินเร็วๆ แบบนี้มีหวังลั้งท้ายขบวน และไปถึงไม่ทันจับจองที่พักดีข้างหน้ากันพอดีหลอกครับ"

"เออ... ข้ารู้แต่มันเหนื่อยนี้หว่า ไอ้หัวหน้ากลองดันให้เดินลุยทั้งๆ ที่ฝนตกลงมาอย่างงี้เนี่ย เซ็งจริงๆ"

"ทำไงได้หละครับ เพื่อความปลอดภัยก็ต้องเดินทางไปกับเค้า จะได้มีคนคุ้มกันเวลามีโจรป่านี้ครับ 555"

"ยังจะมาหัวเระอีกหรือ ว่าแต่ไอ้หนุ่มเจ้าชื่ออะไรหละ ข้าเรียกแต่ ไอ้หนุ่มๆ มาตั้งแต่ออกจากเมืองแล้ว ไม่เห็นเจ้าอยากจะบอกชื่อให้ข้ารู้เลย ฮึ"

"อา... ข้าก็ลืมไปเลย ข้าชื่อว่า เกรนมอร์ กาโนส เรียกข้าว่า เกรน ก็ได้ครับ"

"เออๆ สั้นๆ ดี ปะ เดินกันต่อเดี๋ยวไม่ทันหังขบวนกันพอดี 555"

"ครับๆ"

หลังจากทั้งสองเดินทางต่อไปกับกองคาราวาน ไม่นานก็มาถึงจุดตั้งแคมป์ อันเป็นพื้นที่ราบสูงใกล้กับลำธานที่ทอกยาวไปสู่จุดหมายปลายทางของกองคาราวานนี้

หลังจากพ่อค้านายจ้างได้เดินทางมาถึงและไปสมทบกับกลุ่มเพื่อนๆพ่อค้าด้วยกันแล้วได้สั่งให้เกรนนำสิ่งของของรถรากไปเก็บรวมกับจุดที่เพื่อนๆของเขาวางเอาไว้ จากนั้นเกรนจึงขอตัวออกไปพักผ่อนบ้าง โดยนัดเจอกันอีกทีก่อนกำหนดการเดินทาง 1ชั่วโมง ที่ตรงนี้

หลังจากเกรนได้เดินออกมาจากกลุ่มของพ่อค้าจึงได้เดินหาที่เหมาะๆ สำหรับนอนพักผ่อนของตนบ้าง เค้าเดินสำรวจเลื่อยมาจนถึงสุดเขตที่ราบสูงที่มีป่า "มินส์ทริน" ตั้งอยู่ป่าแหล่งนี้เป็นป่าหนาทึบกินอาณาเขตกว้างตั้งแต่ชายแดนของอาณาจักรทางทิศเหนือจนไปชนขอบชายแดนอาณาจักรทางทิศตะวันออกเลยทีเดียว

เกรนจึงเลือกที่จะนอนพักบนต้นไม้บริเวณนี้ โดยเลือกต้นที่มีกิ่งใหญพอที่จะให้นั่งหลับได้โดยกิ่งไม่หัก แล้วทำการโรยผงกันสัตว์เลื้อยคลานไว้ใต้ลำต้น จากนั้นก็โยงเชือกปีนป่ายขึ้นไปยังต้นไม้นั้นๆ จัดวางสิ่งของอุปกรณ์ เพื่อเตรียมตัวเข้านอนโดยกะจะใช้เชือกมัดตัวเอาไว้ติดกับต้นไม่อีกชั้นกันตกต้นไม้

ขณะกำลังดึงเชือกมาจากกระเป๋าของตน เกรนได้เหลือบไปเห็นพ่อค้าผู้จ้างวานเค้าได้เดินผ่านเข้าไปในป่าใกล้กับจุดที่เค้าพำนักอยู่

"เอ.. นั้นท่าน คราม นี้ทำมั้ยมาเดิน ลับๆ ล่อๆ แถวนี้หละ ไม่เห็นมีเพื่อนของเค้าตามมาด้วยเลย สงสัยต้องตามไปดูหน่อยหละ"

เกรนจึงปีนลงจากต้นไม้อย่างค่อย แล้วแอบสะกดลอยตามพ่อค้าครามไปอย่างเงียบๆ พร้อมดาบขนาดกลางยาง 1ช่วงแขนติดตัวไปเผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คลาวคิดขึ้นจะได้มีไว้ป้องกันตัวได้

หลังจากสะกดลอยตามมาได้ไม่นานก็พบพ่อค้าครามหยุดอยู่ใต้ต้นไม้ขนาดใหญ่ต้นหนึ่งมีกิ่งก้านแผ่กว้างสามารถบดบังสายฝนที่โปรยปรายลงมาอย่างแผ่วๆในวันได้เป็นอย่างดี ณ. ใต้ต้นไม้นั้นมีเต็นทรงหกเหลี่ยมตั้งอยู่ มีแสงไฟส่องสว่างจากข้างในรอบๆ ไม่พบผู้ใด้อีกนอกจากตัวพ่อค้าครามและเกรน

พ่อค้าครามเดินไปยังเต็นหลังนั้นแล้วเปิดเข้าไปข้างใน จากเงาที่มองเห็น เกรนพบว่านังมีอีกเงาหนึ่งดูแล้วมีทรวดทรงโครงเว้าน่าจะเป็นหญิง ลุกขึ้นมาตอนรับพ่อค้าครามที่เพิ่งเข้าไป เกรนจึงค่อยๆย่องเข้าไปยังเต็นหลังนั้น ประจบกัยมีเสียงลมพัดมาเป็นระยะๆ จึงทำให้สามารถย่องเข้าไปใกล้ได้โดยง่าย จากนั้นเกรนทำการหาจุดเหมาะๆค่อยๆเจาะรูปพอประมาณเพื่อแอบมองและฟังคำพูดของทั้ง 2คน

"ท่านพี่อีกแก้วมั้ยคะ"

"อือ... เหลารสเลิส คู่กับเลิสสาวงามข้างกาย ย่อมไม่สุขที่ไหนจะทัดเทียบได้อีกแล้วหละ หยางฟา ^o^"

"แหม... ท่านพี่เนี่ยหละก็ ชั่งปากหวานจิรๆนะคะ มาๆ เดี๋ยว หยางฟา จะเติมเหลาให้อีกแก้ว"

"พี่ว่าตอนนี้พี่ไม่ต้องการเหล้าแล้วหละ แต่ต้องการตัวเจ้ามากกว่า 555"

"แหม... พี่นี้ก็... ^////^"

"มา..มะ..มา..ให้พี่คนนี้หอมแก้มซะดีๆ 555"

"ท่านพี่หละก็ น้องกลัวว่าจะไม่แค่นี้หละซิ"

"555 ก็น้องงามขนาดนี้ใครจะอดใจไหวหละ หือ ^o^"

เขาจึงได้ขยับตัวเข้าไปชิดกับนางทั้ง 2 ประกบริมฝีปากของกันและกัน เขาใช้ลิ้นชอนไชร์เข้าไปในโพรงปากนุ่มของนางอย่างเว้าวอนดุนดันอยู่นาน เขาจึงถอนจากริมฝีปาก ไซ้ซ้อนไปตามข้างแกมช้าย วนใบหูและหลังหู แล้วจูบลงไปตามซอกคอจากว้ายไปขวา

"อา... ท่านพี่น้องเสียวเหลือเกิน อือ..."

"หือๆ อีกเดี๋ยว ข้าจะทำให้เจ้าเสียวกว่านี้อีก"

"อา... ท่านพี่..."

มือของเขาที่โอบกอดตัวนางจึงค่อยลูบผ่านเอวบางไปด้านหลัง 2มือทำหน้าที่ถอดสายรัดเสื้ออย่างชำชอง และลูบไร้ขึ้นบนมายังขอบคอเสื้อ ปดเสื้อโดยแวกเนื้อผ้าจากคอลงไปยังหัวไหลทั้ง 2ข้าง จนเสื้อของนางหลุดออกจากกายโชว์หน้าอกขนาดพอดีมือไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไปซ้อนอยู่ภายใต้ชั้นในสีดำลายลูกไม้ชวนให้หลงไหล

เขาค่อยๆใช้มือซ้ายปดชั้นในออก ส่วนมือขวาทำการเลื่อนไปบีบปทุมถันคู่งามของนาง อย่างเมามัน และใช้นิ้วบี้ยอดอกคู่งามที่ตอนนี้เริ่มที่จะแข็งเป็นตุ่มไต จนตอนนี้สีหน้านางเริ่มร้อนรุ่มและเกิดความต้องการอย่างขีดสุด

"อะ... อา.. ท่านพี่คราม..."

เมื่อช่วงบนของนางว่างเปล่า เขาใช้ปากอันแข็งแกร่งและนุ่มของเขาดูดไปที่ปทุมถันอีกข้างหนึ่งของนางเหมือนกับทารกน้อยที่หิวนมจัดทำให้นางถึงกับแอ่นอกรับกับริมฝีปากนุ่มของเขาแทบไม่ทัน

"อ้า... อา.... ซี้ด...."

"อือ... เจ้าหอมไปทั้งตัวเลยนะ หยางฟา"

เขาเลื่อนมือซ้ายที่ว่างไปปดผ้าส่วนล่างของนางอย่างรวดเร็ว แล้วค่อยๆ ผละจากปทุมถันคู่งามของนางแล้วจูบไล่มายังบริเวณหน้าท้องที่ปราศจากไขมันสวนเกินให้กวนใจจูบมายังสะดือแล้วใช้ลิ้นอ่อนนุ่มของตนเลียไปยังบริเวณสะดือของนาง ทำให้นางถึงกับเสียวกระสันถึงขั้นต้องรีบเอาสะโพกตัวเองหลบออกแทบไม่ทัน แต่เขาก็จับสะโพกของนางให้ประชิดเขาขึ้นอีกรอบ

"อา... ซี๊ด... ท่านพี่... ท่านพี่..."
เขายังไม่หยุดความทรมานให้กับนางแค่นั้น เขาผละจากสะดือสวยเก๋ของแล้วใช้มือทั้งสองข้างของเขากางขาของเธอออกให้ได้มากที่สุด แล้วใช้ปากของตนจูบซับไปยังดงป่าที่งดงามและแชกออกมาให้เขาได้ดอมดมอยู่ตรงหน้า เขาใช้ลิ้นอ่อนนุ่มของตนล้วงไปในดงป่าของเธอตวัดกัดเกี่ยวหาสายน้ำที่อยู่ภายในดงป่าอย่างสนุกลิ้น โดยเขาทั้งล้วงทั้งเม้นอย่างเมามัน


"อา... ซี๊ด... โอ้ว.... ท่านพี่... ขะ.. ข้า.. เสียวเหลือเกิน... โอย...."

นางรู้สึกเสียวบริเวณดงป่าเธอเป็นที่สุด เพราะเขานั้นใช้ลิ้นล้วงเข้าไปยังเม็ดยอดของนางอย่างไม่หยุดไม่หย่อนทำให้นางต้องใช้มือทั้ง2ข้างของตัวเองจับไปยังศีรษะของเขาแล้วขยี่ให้ใบหน้าของเขาฝังเข้าไปยังดงป่าของนางเพิ่มขึ้น เพื่อลดอาการเสียวของนาง แต่หาใช่ไม่ กลับเป็นการเพิ่มความเสียวให้ทวีขึ้นไปอีก จนนางต้องค้างออกมาอย่างสุดไม่ได้

"ซี๊ด... อา... ท่านพี่.... ข้าไม่ไหวแล้ว... โอ้ว..."

เมื่อเขาเห็นว่าดงป่าของนางนั้นชุ่มฉ่ำจนตอนนี้มันเละไปยังน่องขานวลของนาง เขาก็ใช้ลิ้นเลียไปยังน่องขาขาวนวลของนาง เพื่อดูดดื่มสายธารที่ไหลรินออกมาอย่างไม่มีท่าทางรังเกียจ ทำให้นางถึงกับสะดุ้งเพราะความเสียวบริเวณนั้นเป็นอย่างมาก มือข้างหนึ่งของนางได้เลื่อนขึ้นไปบีบปทุมถันคู่งามของนางอย่างไม่หยุดหย่อน ส่วนมืออีกมือยังคงกะกุมกดศีรษะของเขาเอาไว้ เขาจึงเลื่อนมือข้างหนึ่งไปบีบยังยอดปทุมถันของนางที่ว่างอีกข้างอย่างเมามันเพื่อลดความเสียวให้หญิงสาวตรงหน้าเช่นกัน

"อา... ขะ ข้า ข้าไม่ไหวแล้วท่านพี่ อ๊า.. ท่านพี่ได้โปรดช่วยข้าด้วย อ๊า...." นางเองนั้นไม่ไหวเช่นกันในสิ่งที่เขาปรนเปรอออกมาแทบไม่หยุดหายใจอย่างงั้น

เมื่อเขาเห็นว่านางนั้นพร้อมแล้ว เขาเลยจัดการอุ้มนางไปนอนยังผืนผ้านวมที่จัดเตรียมเอาไว้ แล้วกางขาของนางออกให้ได้มากที่สุดเพื่อที่จะลองรับครามน้อยของเขาที่จะเข้าไปสู่ร่างกายนาวได้อย่างถนัด แล้วเขาก็นำครามน้องของเขาซึ่งตอนนี้มันโดดเด่นท้าท้ายอยู่บริเวณหน้าดงป่าของนางมาถูกับดงป่าของนาง

"ซี๊ด... อา... ท่านพี่... อา... ได้โปรดรีบส่งครามน้อยของท่านมาในกายข้าเถอะ ข้าจะไม่ไหวแล้วนะ"

"อือ... ก็มันเสียวหัวนี้น้องหยางฟา อือ..."

"ซี้ด... พี่ท่านก็อย่างมั่วเขี่ยอยู่เลย ข้าพร้อมมาตั้งนานแล้วนะ โอ้ว... อ๊า... "

"ได้ๆ อึบ อึบ" เขาค่อยๆ นำครามน้อยของตนสอดใส่ไปยังถ่ำใต้ดงป่าของนาง

"อา... ซี๊ด... โอ้ว... ท่านพี่ ข้าเสียวมาก โอ้ว..." ตอนนี้ทั้งหน้าทั้งร่างกายนางแดงไปหมดทั้วตัวแล้ว สองมือของนางตอนนี้กุมจีกหมอนหนุนจนเหมือนจะฉีกมันให้ขาดไปตรงนั้นเลย

"อ๊า อึบ อ๊า... ของเจ้ารัดแน่มาก" เขาจัดการสอดใส่ครามน้องของตนจนมันสุดถ่ำของนางแล้วค้างมันไว้อยู่อย่างนั้น เพื่อที่จะให้นางสามารถปรับรับสภาพสิ่งแปลกปลอมที่ใหญ่มิใช่เล่นได้ก่อน

เขาพยายามขยับครามน้องของเขาที่อยู่สุดทางของถ่ำของนางตรงหน้าแล้วทำการชักครามน้อยของเขาออกมาจนพ้นปากถ่ำแล้วทำการเสียบเข้าไปใหม่ทำอย่างนี้อยู่หลายครั้งและทำการเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นและเร็วขึ้นจนเกิดเสียงดัง ตับๆ ตับๆ ตับๆ ที่เกิดจากการกระทบระหว่างครามน้อยและถ่ำของนาง

"อา... ซี้ด.. ดี ดี คะ ท่านพี่ โอ้ว..."

"ฮะ.. ฮึบ.. ฮะ... ของเจ้าเนี่ยมันสุดยอดจริงๆ ไม่ว่าจะรวมรักกับเจ้ามากี่ครั้ง เจ้าก็ยังบีบรัดได้ไม่คลายเลยจริงๆ อู้ว...."

"อะ อ้า จะ..จริง หรือคะ แบบนี้ข้ารักท่านตายเลย อะ..โอ้ว ซี้ด..." นางพยายามขมิบถ่ำเพื่อเพิ่มความกะชับและความเสียวมากขึ้น ทั้งเขาและนาง

"อะ..โอ้ว นี้เจ้าขมีบด้วยหรือ โอ้ว สุดยอด ฮะ อา.."


"กะ..ก็ข้าอยากให้ท่านพี่ อะ อ้า ระ..รักข้านานๆ นี้คะ อา.. ซี้ด.."

"ฮึบ.. อา..อึบ... โอ้ว..." เขาจึงเรียบเร็วกระแทกให้เร็วขึ้นอีกด้วยความเสียวที่ได้รับจากถ่ำของนาง

"อา.. อ้า... โอ้วๆ.. อา อา " ไม่นานความเสียวกระสันของนางเพิ่มขึ้นๆ จนตอนนี้นางต้องกรี๊ดร้องออกมาเพราะความเสียวกระสันอย่างสุขสม

"ซี้ด... โอ้ย... ทะ..ท่านพี่ ขะ..ข้า จะไม่ไหวแล้วนะ อา อ๊า..."

ตอนนี้เธอมีความรู้สึกว่าถ่ำของเธอกำลังจะผลิแตกเพราะครามน้องของเขาเร่งจังหวะร่วมรักเลยเกิน เหมือนกับเขาอดยากกับเรื่องอย่างนี้มานานแสนนาน

"อา อ๊า อ๊า โอ้ว ทะ..ท่านพี่ข้าไม่ไหวจริงๆ แล้วนะ ขะ..ข้าจะแตกแล้ว โอย โอ้ว..."

"ฮะ ฮะ น้องหยางฟา ทนอีกนิดพี่ก็จะถึงแล้วเหมือนกัน ซี้ด..."

เขายังคงกระแทกกระทันใส่นางอย่างเมามันและเร่งเร็วมากขึ้นๆไปอีก จนในที่สุด

"อา... พี่ถึงแล้ว โอว โอ้ว............" เขาได้ปลดปล่อยน้ำแห่งความสุขสมสอดใส่ถ่ำของนางจนเต็มและเจิ่งนองออกมานอกปากถ่ำเลยทีเดียว

 
"อะ.. อา อ๊า ซี้ด โอ้วๆ อ๊า............." พร้อมกับร่างของนางเกร็งกระตุกอย่างสุขสม

จากนั้นเขาก็พุบลงไปยังร่างของนางด้วยความเหนื่อยอ่อน จากการร่วมรักกันอย่างดุเดือดในเต็นหกเหลี่ยมแห่งนั้น

มายังด้านเกรนที่แอบสังเกตุการณ์อยู่นั้น ตอนนี้อารมณ์ได้คุ้กคลุงเต็มที่จนเค้าตัดสินใจเดินออกห่างจากเต็นเพื่อหาที่ที่จะระบายความอึดอัดนี้

วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2556

การเดินทาง 1 - บทนำ

วัน xx เดือน xx ปี xxx

วันที่มีอากาศร้อนไม่น้อยไปกว่าวันใดในเมือง "ทาฟาเนีย" อานาจักรทีเป็นใจกลางของทวีป "เทียร์ไลย์" จุดศูนย์รวมของการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้า บ้างก็ขนสินค้าจากทางอานาจักรทิศตะวันออกมาขาย บ้างก็ขนสัตว์ทะเลจากทางอานาจักรทิศใต้ดินแดนอันห่างใกล้ข้ามภูเขามาขาย หรือแม้แต่พืชผลจากทางอานาจักรตอนเหนือที่ขึ้นในสภาพภูมิอากาศหนาวเย็นที่มีรสเลิศมากมาย เว้นแต่ทางด้านทิศตะวันตกที่มีอาจไปมาหาสู้กับอานาจักรทิศอื่นได้ สถานที่เต็มไปด้วยกลิ่นไอแห่งความตาย และความมืดมน หากผู้ใดหลงเข้ามักจะหาชีวิตลอดกลับออกมาได้อยากนัก นับแบบเข้า 100 ออก 10 เลยทีเดียว

ณ. กลางจัตุรัสกลางเมือง สถานที่มีคนพุพร่านมากมายหนาตา เดินจับจ่ายชื้อขายสินค้าข้าวปลาอาหารกันอย่างคึกคื้นมีชายหนุ่มหน้าธรรมดา อายุราว 17-18ปี โครงหน้าเรียวยาวเล็กน้อย นัยตาสีดำนิล คิ้วเรียวคม คางไม่แหลมมากแต่ก็ไม่มนจนเกินไป แต่งตัวแบบชาวเมืองทั่วไป กำลังต่อรองราคาสินค้ากับพ่อค้าอุปกรณ์ครัวเรือน ด้วยสีหน้าเคร่งเคลียดอยู่

"ท่านก็ลดราคาลงให้ข้าอีกนิดไม่ได้หรือ 500ทา มันแพงไปนะ"

"แล้วคุณลูกค้าจะขอสักเท่าไหร่ดีหละ"

"สัก 250ทา เป็นไง"

พ่อค้ายงคงฉีกยิมแล้วกล่าวว่า

"โอ้ย.... ไม่ได้หลอกครับ คุณลูกค้า 250ทา กระผมก็ขาดทุนแย่สิครับ ไหนจะค่าขนสินค้า ค่าเดิน ค่ากิน ค่าวางแผงสินค้า ค้าผ่าทาง ค้าภาษีการค้า ... บลา ... บลา ... บลา ..."

จนชายหนุ่มเริ่มงงๆ จึงถามตัดไปว่า

"แล้วท่านจะลดให้ข้าได้สักเท่าไหร่หละ"

"480ทา ครับคุณลูกค้า"

"ผมขอ 350ทา ได้มั้ย แบบช่วงนี้ เงินมันไม่ค่อยจะมีนะ"

"งั้นผมลดให้อีกนิด 470ทา เป็นไงครับ"

"370" (ชายหนุ่ม ^_^")

"460" (พ่อค้า ^_^)

"390" (ชายหนุ่ม ^_^")

"450" (พ่อค้า ^_^)

"410" (ชายหนุ่ม =_=")

"440ทา ขาดตัวแล้วครับ"

"430ทา ไม่ได้หรือท่าน เงินข้าแทบไม่เหลือพอไปซื้อของอย่างอื่นแล้วนะ ถือว่าช่วยๆกันน่า"

"แหมๆ ทางผมก็ลดมามากแล้วเหมือนกัน ถ้าลดลงกว่า 440ทา เกลงว่าคงจะไม่ไหวหละครับ ถือว่าช่วยๆกันนะคุณลูกค้า"

"..." (ชายหนุ่ม =_=")

"..." (พ่อค้า ^_^)

"..." (ชายหนุ่ม =_=")

"..." (พ่อค้า ^_^)

ในที่สุดทางชายหนุ่มจึงต้องตกลงใจซื้อสินค้านั้นในราคา 440ทา ด้วยความเสียดายเงินอย่างสุดซึ่ง แล้วเดินจากออกมาเพื่อไปยังเป้าหมายต่อไปของเค้า พร้อมทั้งบ่นออกมาเบาๆ

"เนี่ยถ้าไม่ติดว่าแถวนี้ไม่มีใครเอาของชิ้นนี้มาขายแล้วหละก็ 300ทา ข้าก็คงไม่ซื้อหลอก เสียดายเงินจริงๆ"

ชายหนุ่มเดินออกมาจากจัตุรัสกลางเมืองผ่านไปยังเขตร้านอาหารและโรงแรม แล้วเดินเข้าซอยสัก 4-5ซอย ก็จะทะลุไปถึงอีกเขตที่เป็นเขตที่อยู่อาศัยของชนชั้นล่างที่อยู่กันอย่างแออัด เขาเดินผ่านบ้านหลายหลังจนมาเกิบสุดเขตนี้ ซึ่งถ้าเดิมออกไปอีกจะเป็นเขตแดนที่ติดกับกำแพงด้านทิศตะวันตก ซึ่งกำแพงด้านนี้จะมีสภาพยับเยินมากว่าด้านอื่นๆ เพราะเมื่อนานมาแล้วเคย โดนกองทัพปีศาจที่มาจากแดนตะวันตกบุกโจมตี ซึ่งไร่มาตั้งแต่หัวเมืองชั้น1,2และ3 จนมาถึงกำแพงแห่งนี้ แต่ด้วยความร่วมมือของอาณาจักรพันธมิตรต่างๆ ช่วยกันต่อสู้จนได้รับชัยชนะ และผลักดันกองทัพปีศาจจนล่นถอยกลับไปยังแนวชายแดนด้านตะวันตกตามเดิม โดยมีป่า "รากาเดส" ที่ทอดยาวตั้งแต่ทางตอนเหนือลงไปยังทะเลตอนใต้คั่นกลางอยู่ ป่านี้จึงเป็นเส้นแบ่งขอบแดนที่ไม่มีผู้ใดอยากจะก้าวล้ำเข้าไปนัก แต่ก็ยังมีคนบางพวกที่ยังกล้าเดินทางเข้าไปยังป่าแห่งนี้ เพื่อหวังจะค้นหาพืชพรรณาที่มีคุณสมบัติต้านพิษและปกป้องมนต์ดำได้ ที่ขึ้นในป่าแห่งนี้ เพื่อนำมาขายทอดในราคาที่สูง

ชายหนุ่มหยุดมองไปยังกำแพงแล้วพึมพำเบาๆว่า

"รอก่อนนะ.. อีกไม่นาข้าจะไปเยือนอย่างแน่นอน ด้วยสิ่งนี้ที่ข้ากำลังจะปรุ่งขึ้นมา หึหึ ..."

แล้วไขประตูเปิดเข้ายังบ้านรูหนุเล็กๆ ที่พ่อแม่ของเค้าได้ทิ้งไว้พร้อมเงินเก็บเล็กน้อยก่อนหายสาบสูญไปในป่าทางทิศตะวันตก เมือตอนที่เค้าอายุได้ 10ปี จนถึงทุกวันนี้ แล้วปิดประตูลงกลอน เพื่อสานต่อสิ่งที่ค้างคาเอาไว้