วันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2556

การเดินทาง 4 - อดีตที่มาครึ่งหลัง

เมื่อเวลารอบกายได้เดินอีกครั้ง

เกรนรวบรวมสติแล้วสำรวจตัวเองก่อนว่ามีอะไรผิดปกติบ้างหรือไม่ ซึ่งก็ไม่พบอะไรที่ผิดปกติเลย เขาจึงตัดสินใจหันหลังเพื่อที่จะเดินกลับไปยังที่ต้นไม้ที่เค้าจัดสรรไว้เพื่อนอนเก็บไว้ในวันต่อไปของการเดินทาง ระหว่างทางเขาไม่ได้แวะไปไหนตรงมายังต้นไม้ที่เค้าจัดเอาไว้และปีนขึ้นไปนอน แต่ก็ยังขบคิดเรื่องที่ตนไปเจอมาไม่หายจนเผอหลับไปในที่สุด ในขณะที่ความง่วงเข้ามาเยือนจนถึงสุดได้มีเสียงหวานแผ่วเบาๆในหัวของเขา

"นายท่านของข้า...."

ก่อนที่สติของเขาจะดับไปพร้อมกลับราตรีอันหอมหวานบนต้นไม้อีกหนึ่งครา

...

ในรุ่งเช้าของวันใหม่ หลังจากที่เกรนตื่น เขาก็ล้างหน้ากินอาหารแห้งที่เตรียมมาสำหรับเวลาเดินทางและทำธุระยามเช้าตามปกติ แต่ในสมองก็ยังคิดเรื่องเมื่อคืนก่อนไม่หาย

ปัก !!!

"อุบ..."

"ไง เกรนเจ้าตื่นมาตรงเวลาดีนี้ เช้านี้อากาสดีนะ" เป็นพ่อค้าครามนั้นเองที่เข้ามาทักเขาด้วยการตบหลัง

"อา ครับสบายดีครับ พร้อมออกเดินทางได้ทุกเมื่อเลยครับ"

"นี่ข้าจะแนะนำเพื่อนสนิทข้าเมื่อวานคงเจอกันแล้วแต่ข้ามัวแต่คุยกันเพลินจึงลืมแนะนำตัวเจ้าไป เผื่อว่างๆ เค้าอาจเรียกจ้างเจ้าก็ได้"

"ครับๆ"

แล้วพ่อค้าครามก็ขยับตัวไปด้านข้างเผยให้เป็นบุคคลข้างหลัง 2-3คน อย่างชัดเจน

"นี้จากซ้ายมา คามัว เกรมเฮย์, ราฟาเอล อาเบะ และนี้ภรรยาเค้า มิสสเตร่า อาเบะ"

"สวัสดีครับ ยินดีที่รู้จัก" เกรนยื่นมือออกไปจับกับทุกคนตามที่ครามได้แนะนำตัวและเริ่มสนทนาไปเดินทางกันไป โดยมีเกรนนั่งบังคับม้ารถลากอยู่ข้างหน้าอย่างเงียบๆ และทั้ง 4คนที่หลือนั่งอยู่ข้างหลังเขา ส่วนท้ายจะเป็นสัมถาระส่วนตัวของทั้ง 4คน และปลายรถม้ามีหมุดพวงลากเกวียนบรรทุสินค้าอีกต่อ

คามัว เกรมเฮย์ เป็นชายดูสูงอายุพอๆกับครามซักประมาณ 35ปีได้แต่ยังคงรูปร่างหน้าตากำลังดีดูไม่ค่อยแก่มากเหมือนกับชายอีกคนที่ชื่อ ราฟาเอล อาเบะ ที่ดูผอมกว่าแต่เขานั้นสูงกว่าใครเพื่อนที่มีอายุเพียง 32ปีเท่านั้นกับดูว่าเหมือน 40ปีเลยทีเดียว ทั้งคราม ราฟาเอล และคามัว ต่างเป็นเพื่อนกันในสามาคมพ่อค้าแห่งเมือง "โคโรคารา" โดยมีเรื่องที่น่าตกใจอยู่เรื่องเดียวคือ มิสสเตร่า ภรรยาของราฟาเอลนั้น เป็นหญิงคนเดียวกับหญิงที่เริงรักกับครามในเต็นเมื่อวานนี้เอง แต่เกรนก็ไม่ได้คิดที่จะผิปากกล่าวอะไรออกไป เพราะมันคงส่งผลเสียต่อทั้งรายได้ของเขาและการเดินเป็นแน่แท้

...

เวลาได้ผ่านพ้นไป ในที่สุดกองคาราวานก็ได้เดินทางถึงจุดหมายปลายทางโดยสวัสดิภาพ ถึงจะมีการดับปล้นบางเล็กน้อยแต่ด้วยความช่วยเหลือของทหารคุ้มกันจึงผ่านได้ด้วยดี ถึงจะมีบางครั้งที่เกรนต้องออกแรงลงไปจัดการบ้างก็ตามทีส่วนมากเป็นโจรเล็กโจรน้อยจึงไม่มีปัญหาอะไรมากสำหรับเขา

"เอา... เจ้าขนสินค้าเสร็จแล้วหรือเกรน"

"อา ครับผมข่นเสร็จแล้ว เลยจะมารับค่าจ้างและออกไปหาที่พักผ่อนเอาแรงสักหน่อยครับ"

"อือๆ เอานี้ค่าจ้างส่วนที่เหลือของเจ้าที่เราตกลงกันไว้" พ่อค้าครามวางถุงเงินจำนวน 2500ทาไว้บนโต๊ะในห้องทำงานของเขา

ตุบ... เกรนจึงเก็บถุงเงินจากครามมาใส่กระเป๋าสะพายของเขาโดยไม่สนใจที่จะนับ เพราะครามเป็นหนึ่งในพ่อค้าที่สุจริตในการค้าขายมากที่สุดคนหนึ่ง เค้าไม่ชอบให้ใครมาเอาเปรี่ยบและไม่ชอบที่จะเอาเปรี่ยบใครในเรื่องที่ไม่ควรด้วย แต่เกรนก็คิดว่าคงต้องยกเว้นเรื่องเพื่อนรักตีท้านครัวเอาไว้เรื่องหนึ่งหละ

จากนั้นเค้าก็เดินออกจากบ้านของคราม ตรงไปตามทางไม่นานก็มาถึงเขตการค้าที่นี้มีแผงขายของมากมายให้เลือกตั้งแต่ของราคาถูกที่เขาสามารถชื่อได้สบายๆจนถึงของที่แพงหาอยากก็มี เกรนเดินผ่านเขตการค้าแห่งนี้ไปได้สักพักใหญ่ก็มาถึงสวนสาธาณะที่อยู่ด้านประตูทิศเหนือ ซึ่งก็เป็นช่วงใกล้ๆค่ำแล้วจึงไม่ค่อยมีคนมากนัก จะมีก็แต่ทหารยามที่เดินตรวจตราที่นานๆจะเห็นผ่านมาครั้งก็เท่านั้น

เกรนเลือกที่จะนั่งบนม้านั่งใกล้กับต้นไม้ต้นหนึ่ง ซึ่งข้างหน้าสามารถมองเห็นสระน้ำขนาดใหญ่สะท้อนแสงแดดยามพบค่ำได้อย่างสวยงาม อีกทั้งยังมีลมเย็นจากทางเหนือพักผ่านให้เย็นสบายเหมาะแก่การพักผ่อนอย่างยิ่ง เกรนนั่งหลับตาลงฟังเสียงสายลมพักผ่าน เสียงนกร้องยามเย็น อย่างสบายอารมณ์

"อือ อากาศที่นี้ดีจริงๆ มากี่ครั้งๆ ก็ให้ความรู้สึกสบายๆ อา"

"เจ้านายคะ..." แต่ก็มีเสียงหนึ่งแผ่วดังขึ้นมาในหัวของเขา

"หือ.." เขาหันมองซ้ายขวาไปมาอย่างสงสัย เพราะไม่มีใครอยู่แถวนี้แน่ๆ ด้านหลังม้านั่งที่เขานั่งอยู่ก็ไม่มีพุ้มไม้ให้ซ้อนตัวด้วย หรือจะเป็นจากหลังต้นไม้ก็ไม่ใช่ เพราะเสียงนั้นดังเหมือนอยู่ใกล้ตัวเลยทีเดียว

"... เจ้านายคะ ได้ยินที่ข้าพูดมั้ยคะ ? ..."

"แฮ่.. ใครหนะ จงแสดงตนออกมาเดี๋ยวนี้นะ !!!"

"... อา นี้เจ้านายได้ยินที่ข้าพูดแล้วหรือคะ !!!"

"ก็ต้องได้ยินสิเล่นใช้เวทอะไรหละเนี่ย มาพูดใส่หัวชาวบ้านเค้ากันนะ ออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ แล้วข้าก็จำไม่ได้ว่าไปมีสาวใช้ตอนไหนด้วย" (ถึงตูฝันว่าอยากมีก็เถอะ แต่คนมันจนนะเฮย อย่ามาล้อเล่นกันแบบนี้ มันทำร้ายจิตใจกันอย่างแรง T-T")

"ท่าน ได้ยินจริงๆด้วย ไชโย ในที่สุดเราก็สามารถคุยกันได้แล้ว"

"หะ หา นี้ก็คุยกันอยู่แล้วไง ข้ากับเจ้าเรารู้จักกันด้วยหรือ แล้วซ่อนอยู่ตรงไหนหละ ออกมาได้แล้ว"

"คือว่าข้าก็นั่งอยู่ข้างๆท่านเจ้านายนี้หละ ไม่ได้ซ้อนที่ไหนเลยนะคะ"

"เอ๋ ข้าไม่เห็นมีใครเลยนี่ เจ้าอย่างล้อเล่นนะ"

"โธ่ ข้าไม่ได้ล้อเล่นจริงๆนะ ข้านั่งอยู่ข้างๆท่านจริงๆนะคะ"

"ถ้าเป็นจริง แล้วทำไมข้าไม่เห็นเจ้าหละ ฮือ"

"เอ เอ๋ ธรรมชาติ อือ อือ สงบ เอ๋อ ... ข้าคิดออกแล้วท่านต้องทำจิตใจให้ผ่อนคลายเป็นสมาธิแล้วมองมายังที่ข้าสิคะ"

"หือ มันจะใช่หรือนั้น"

"ท่านลองทำดูก็จะรู้เองว่าข้าไม่ได้โกหกเลยคะ"

"ได้ๆ ข้าจะลองดูก็ได้"

เกรนค่อยๆหลับตาลง ปล่อยกายให้ไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก ปล่อยความรู้สึกให้ไปกับสายลม เพ่งจิตไปยังด้านข้างแล้วค่อยๆ เปิดตามองดูด้านข้างเขา

"เป็นไงคะ ท่านเจ้านาย เห็นข้าหรือยัง"

"อือ... "

"ท่านเห็นแล้วใช่มั้ยคะ"

"เปล่าข้าก็ยังไม่เห็นอยู่ดีนั้หละ"

"โธ่ ท่านเจ้านายช่วยลองใหม่ได้มั้ยคะ คราวนี้เอาแบบนิ่งๆ จนบรรลุไปเลย"

"เฮย ถ้าจะเอาแบบนั้น ข้าว่าข้าไปออกบวชไม่ดีกว่าหรือนั้น"

"แหมๆ ข้าแค่เปรียบเทียบไปเท่านั้นหละคะ เร็วสิคะลองดูใหม่"

"ได้ๆ ข้าจะลองทำอีกครั้งดูหละกัน เฮ่อ..."

เกรนค่อยๆหลับตาลงอีกครั้ง และปล่อยกายให้ไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก ปล่อยความรู้สึกให้ไปกับสายลม เพ่งจิตไปยังด้านข้างแต่คราวนี้เค้ารวบรวมสมาธิมากขึ้นกว่าเดิมจนรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่างจากภายในจิตใจนะเขา แล้วเขาค่อยๆ เปิดตามองดูด้านข้างอีกครา

"อือ.. ข้าก็ยังไม่เห็นเจ้านั้นหละ"

"เอ๋.. ยังไม่เห็นอีกหรือคะ ฮือ.."

"ก็นะ"

"สงสัยพลังของท่านเจ้านายจะยังไม่แข็งกล้าพอมั้ง" เสียงปริศนาพึมพัมขึ้นเบาๆ

"พลังหรือ อ๋อ.. ต้องเป็นการเพิ่มพลังตามที่ตาแก่ฮาเดสบอกมาแน่เลย มันเรื่องจริงหรือเนี่ย ไม่น่าเชื่อเลย แฮะ"

"อา นั้นหละค่าท่านเจ้านายต้องไปหาทางเพิ่มพลังก่อนสินะถึงจะเห็นตัวข้าได้"

"แล้วต้องทำไงหละ เจ้าพอรู้อะไรบ้างมั้ยหละ"

"สมัยที่ข้ายังเด็กก่อนจำศีล ท่านพ่อฮาเดสเคยสอนข้าให้จำได้ขึ้นใจเลยว่า วิชาลับต่อไปนี้เป็นสุดยอดวิชาผู้ที่ได้รับไปก่อนเริ่มฝึกฝนต้องทำการรวบรวมส่วนประกอบมาหลอมร่วมกับร่างกายตนเพื่อปรับฐานร่างกายใหม่เสียก่อน"

"อือ ต่อๆเลย"

"โดยของที่ต้องใช้มี 3อย่างคือ เลือดของมังกรจากป่ามินส์ทริน, มุกนิลสีรุ้งจากปลาโบราณแห่งทะเลกาด้า และสุดท้ายผลดันเบลจากป่าทาวีเนีย เมื่อได้ของทั้งสามสิ่งนี้แล้งนำมาบดร่วมกันซึ่งจะเกิดกลิ่นฉุนออกมา แล้วนำไปต้มในหม้อเหล็กที่ทำจากเหล็กกล้าจนกลิ่นหายไปหมดแล้วค่อยนำมากินคะ"

"แล้วมันจะไปเพิ่มพลังของเวทวิชาลับใช้มั้ย"

"คะ ใช่คะ แต่ต่อจากนั้นข้าก็ไม่ทราบแล้ว เพราะโดนสะกดไว้ในไข่แห่งฮาเดสท่านพ่อฮาเดสสร้างขึ้นมาคะ โดยบอกว่าคนที่ท่านส่งมอบไข่ให้นั้นจะมาเป็นเจ้านายของข้า และจะทำให้ข้ามีความสุขตลอดไปคะ"

"เออ... หานี่ข้าฟังไม่ผิดใช่มั้ย เจ้าเป็นลูกของตาแก่นั้นหรือ"

"คะ ข้าเป็นบุตรสาวคนสุดท้องของท่านพ่อฮาเดสจริงๆคะ"

"ตาแก่นั้นคิดอะไรถึงได้เอาลูกตนเองมาใส่ไว้ในไข่ แถมส่งให้เป็นข้ารับใช้คนอื่นอีกเนี่ย งงจริงอะไรจริง เฮ่อ..."

"ข้าก็ไม่ทราบคะ รู้แต่ว่าท่านพ่อทำเพื่อความสุขของข้าจริงๆนะคะ เพราะก่อนที่ข้าจะหลับไปรู้สึกถึงน้ำตาของท่านหยดบนมือด้วยนะคะ"

"ชีวิตเจ้านี้เรื่องมันซัยซ้อนจริงๆ แต่เอาไว้ก่อนเถอะ ตอนนี้เราต้องไปหาของทั้ง 3อย่างที่เจ้าว่ามา เพื่อเพิ่มพลังให้แก่ข้าก่อนจะได้คุยกันแบบเห็นหน้าค่าตากันหน่อย"

"เจ้าคะ"

"งั้นไปกัน ... เออ... แล้วเจ้ามีชื่ออะไรหละ คุยกันมาตั้งนานไม่รู้จักชื่อของเจ้าเลย ส่วนข้าชื่อ ..."

"ท่านเจ้านาย เกรนมอร์ กาโนส เจ้าสินะคะ ตอนที่ต่นมาข้าได้ฟังที่ท่านกับท่านพ่อพูดคุยกันอย่างสนุกสนานอยู่เลย ตัวข้าก็อยากเข้าไปร่วมวงด้วย แต่ติดที่ข้าไม่สามารถออกมาจากไข่ได้เลยได้แต่รับฟังเท่านั้นคะ"

"เออ... ไม่ต้องใส่ท่านเจ้านายก็ได้แค่เรียกว่า เกรน ก็ได้ แล้วเจ้าหละ" (ที่จำได้เราไม่เคยคุยกะไรกะตาแก่นั้นเลยนะ มีแต่ตอบคือถามมาราธน กับโดยจับไข่ยัดอกเองนะ =_=")

"ข้า ข้า คือว่า ที่จำความได้ ข้าไม่มีชื่อหลอกคะ ตั้งแต่เล็กข้าก็อยู่ในห้องคนเดียวจะมีก็แต่ท่านพ่อฮาเดสที่แวะเข้ามาเยี่ยมเยียนพูดคุยเล่นกันก็เท่านั้น และท่านก็เรียกข้าว่าลูกหญิงเท่านั้นคะ"

"อา.. ข้าขอโทษทีนะ"

"ไม่เป็นไรเจ้าคะ ข้าไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรอยู่แล้ว..."

"เออ.. เอางี้ข้าจะตั้งชื่อให้เจ้าหละกัน" ^_^

"จริงหรือคะ" O_O'

"อือ.. จริงๆสิ แต่ข้าไม่เห็นเจ้าเลย ไม่รู้จะตั้งชื่อว่าอะไรดี ถึงจะเหมาะสมกับเจ้านะ"

"ถามเป็นชื่อที่ท่านเจ้า อะ ท่านเกรน ตั้งให้ข้าว่ามันต้องเหมาะกับข้าที่สุดเลยคะ"

"งะ.. งั้นเอา..." (เล่นมาตั้งความหวังซะ แบบนี้ตูสู้ตาย คิดสิคิดเอาชื่ออะไรดีนะ เสียวหวาน นิสัยดูอ่อนน้อม แต่คุยสนุกดี อือ)

"...." (เสียงปริศนา ^_^)

"... อือ .. อา ... " (เกรน =*=)

"......." (เสียงปริศนา ^_^)

"... เอ .. อือ ... เออ ... " (เกรน =*=')
"............" (เสียงปริศนา ^_^)

"อา... ข้านึกได้แล้วต้ฃ่อไปนี้ข้าจะเรียกเจ้าว่า มิเรน หละกัน เพราะมันดูสดใส่และอ่อนหวาน เหมือนที่ข้ารู้สึกได้ตอนคุยกับเจ้าหละ"

"... คะ... ขอบคุณมากๆ เลยคะ" เสียงปริศนากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงดีใจอย่างมาก

"ดีงั้นตามนี้นะ ตอนนี้เราคงต้องไปหาที่พักผ่อนกันหละ แล้วนี้เจ้าหลับยังไงหรือ"

"ข้าก็หลับในตัวท่านสิคะ"

จู่ๆ เกรนก็รู้สึกวูบๆที่หน้าอก

"ราตรีสวัสดิ์คะท่านเกรนที่รัก" ^_^

"เออ.. เอางี้เลยหรือ อือ.. ราตรีสวัสดิ์มิเรน"

กล่าวจบแล้วชายหนุ่มก็เดินออกไปตามทางมุ่งไปสู่โรงแรมที่เค้ามักจะพักประจำเมื่อต้องเดิมทางมาที่เมืองแห่งนี้ด้วยความหวังว่า พลังนี้จะช่วยให้เค้าสามารถทำความฝันของเขาให้เป็นจริงได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น