วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

การเดินทาง 19 - ระหว่างทาง(3)

"อ๊ากกกกก" เกรนร้องเสียงหลงอย่างตกใจ

"เวรหละ พลังเราโดนดูดผ่านเวทออกไป เอามือไม่ออกด้วย" เกรนรู้ได้เลยว่าพลังทั้งสามสายของตอนตอนนี้ค่อยไหลออกไปยังวงเวทที่ทาบมืออกของอีกฝ่ายอยู่

"เป็นไงเป็นกันวะ ย๊ากกกกก" เกรนเห็นว่าไม่สามารถถอนมือได้แล้วจึงทุนส่งพลังทั้งสามสายลงสู่วงเวททันที

เวลาผ่านไปประมาณ 20นาที เกรนที่มีเหงื่อออกจนท่วมตัวยังคงถ่ายพลังลงสู่วงเวทอย่างนั้น แต่ก็เกิดเหตุการณ์อื่นขึ้น วงเวทหยุดการดึงพลังจากชายหนุ่มแล้วเปล่งแสงแสบตามากว่าเดิมจนเกรนต้องยกมืออีกข้างขึ้นมาบัตาไว้

วูบบบบบ วิ๊งงงงงงง ฟู่.....

เกิดเสียงและควันคลุ้งจากการทำงานของวงเวทขึ้นจนเกรนมองไม่เห็นรอบๆตัวพักใหญ่ จนสายลมพัดพาควันหายไปเขาก็สังเกตุเห็นชายร่างเล็กตรงหน้า

"เอ๋" เกรนรู้สึกผิดปกติบริเวณมือที่ตนทบบนอกของอีกฝ่าย

"เฮ่ย นี้มันอะไรกัน เจ้านี้ไหงมีหน้าอกออกมาได้ฟะ" แต่พอส่ายสายตาไปมองหย้าอีกฝ่ายที่สลบอยู่พอว่าใบหน้านั้นเรียวเล็กลงมาอีก คิ้วที่คมเข้มเปลี่ยนเป็นคมงามแบบหญิงสาว ทั้งปากก็เช่นกัน ส่วนสองแก้มกับเป่งนวลออกมาเห็นได้ชัด ทำให้ตอนนี้ใบหน้ารับกับผิวนวลงามได้สมส่วน

"เว้ย นี้มันผู้หญิงชัดๆเลย ไหงเป็นอย่างนี้ได้" เกรนที่ตกใจขยับตัวถอยห่างออกมาเล็กน้อย

"อืม" อีกฝ่ายที่รู้สึกตัวได้ส่งเสียงออกมา เป็นเสียงเล็กตามขนาดตัว นับตาสีฟ้าใส่จ้องมองเกรนเขม็ง

"นะ นี้มันอะไรกัน เจ้าทำอะไรข้า" เป็นเสียงเล็กที่มองตัวร่างกายตนแล้ว กล่าวออกมาด้วยความตกใจอย่างเห็นได้ชัด

"ขะ ข้า เออ" เกรนยังงงอยู่กับผลที่ได้จากวงเวทจึงตอบแบบติดขัด

"จะ เจ้า แก้เวทคำสาบในตัวข้างั้นหรือ" ชายหนุ่มที่ตอนนี้เป็นสาวร่างเล็กไปแล้วกล่าวอย่างตะหนก

"อือ น่าจะใช่นั้นละ ข้าแค่ลองวิชาดูเท่านั้นไม่คิดว่ามันจะส่งผลได้ดีขนาดนี้" เกรนที่ตั้งสติได้ก็กล่าวออกมา

"เจ้าต้องรับผิดเรื่องนี้" นางขึ้นเสียง

"อ้าว เฮ่ยเจ้ามาเป็นฝ่ายผิดนะ ไปอยู่กับโจรตั้งแต่แรก แถมนี้ข้าช่วยถอนคำสาบให้อีก เจ้าน่าจะขอบใจข้าสิถึงจะถูก" เกรนกล่าวออกมาแบบงงๆ

"จะ บ้าหรือมาคล้ายคำสาบ 'ชายชาตรี' แบบนี้ ข้าจะสามารถกลับไปได้เช่นไร ตัวคำสาบยังอยู่มั้ยเนี่ย เจ้ามีกระจกมั้ย" นางเอ่ยเสียงเครียด

"อะ เออ นั้นตั้งใจสาบตัวเองหรือเนี่ย ข้าต้องเสียใจกับเจ้าด้วยเพราะข้าถอนออกจนครบสามชั้นเลยหละ" คลาวนี้เกรนกล่าวพรางชี้ไปยังกลางอกของนาง พลันเกรนเองก็ตะลึงแทน "อะ เฮ่ย ลืมไปเลย"

"เจ้านี้มันอะไรอีก แต่สามชั้นหรือ" แล้วนางก็ก้มมองลงไปยังร่ากายตน นางก็ตะลึงเพราะเสื้อผ้านางโดนแหวกออกกว้างโชว์อกขาวนวลขนาดผลแอปเปิลแก้สายตาอีกฝ่ายเต็มๆ

"ว้ายยยยยย จะ เจ้าโจรหื่น ไอ้ชั่ว ไอ้ลามก ขะ จะฆ่าเจ้า" นางร้องขึ้นแล้วดึงคอเสื้อมาจัดเข้าที่อย่างรวดเร็ว

"หยุดๆไปเลย เมื่อกี้เจ้าก็จะฆ่าข้าอยู่แล้วไม่ต้องมาย้ำหลอก" เกรนกล่าวพร้อมอุดหูจากเสียงร้องของนาง

"เอะ เมื่อกี้ นะ นี้" นางพอได้ยินก็ยกสองมือขึ้นมอง

"เออ คราวนี้อะไรอีกหละ อย่างบอกนะว่าเมื่อกี้เจ้าไม่ตั้งใจนะ" คลาวนี้เกรนเอ่ยแบบเซ็งๆออกไป เขาเริ่มรู้สึกได้ว่าเสียเวลากับชายร่างเล็กที่ตอนนี้กลายเป็นหญิงตรงหน้ามานานแล้ว

"ขะ ข้า ขยับได้ดังใจ" นางเอ่ยเบาๆออก แต่พอให้เกรนได้นอยู่

"เจ้าเคลื่อนไหวรวดเร็วขนาดนั้น ยังจะว่าขยับไม่ได้ดังใจอีกหรือ อย่ามาตอแหลนนะเจ้าโดนเวทควบคุมอยู่" เกรนหลีตากล่าว

"ถะ ถ้าข้าบอกว่าใช่หละ เจ้าจะทำไง" นางลดมือลง จ้องหน้าเกรนแล้วกล่าวออกมา

"เฮอะ อย่ามาหลอกข้าเลย เวทแบบนั้นนะ คนอย่างไอ้หัวหน้าโจรของเจ้าไม่มีทางร่ายได้หลอก ขนาดข้ายังไม่รู้เลยได้แต่ลองเวทไปมั่วๆเท่านั้น" เกรนกล่าว

"แต่ท่านก็สามารถแก้ได้ ท่านน่าจะเห็นการซ้อนทับของวงเวทสามวง ที่ตอนนี้มันหายไปแล้วบน เออ อกข้า" นางกล่าวไปถึงจุดสุดท้ายต้องเอ่ยเสียงเบาลงด้วยความอับอาย

เกรนยืนคลุ่นคิดไป พรางระวังการเคลื่อนไหวของนางได้

(ท่านฮาเดสก็เคยเตือนว่าวิชาสลายคำสาบนี้จะดึงพลังเจ้าของตามความแรงของคำสาบสินะ หรือว่าจะจริง ถ้าจริงๆผู้ลงคำสาบนี้คงเก่งมากเลย เพราะตอนนี้เรารู้สึกได้ถึงพลังทั้งสามสายลดลงไปเหลือ 1/5 เท่านั้น ทั้งทีก่อนหน้านี้เราก็ไม่ได้ใช้วิชาอะไรกินพลังมากเลยด้วยซ้ำ)

"..." เกรนยังจ้องนางแบบเงียบๆ

"..." นางก็เช่นกันแต่กับเอามือมากอดอกเอาไว้ เพื่อแสดงว่านางไม่ได้ขัดขื่นคิดหนีอะไร

"เฮ่ย เอาเป็ยว่าข้าเข้าใจหละ" ในที่สุดก็เป็นเกรนที่ถอนหายใจกล่าวออกมา

"เจ้าเชื่อข้าแล้วหรือ" นางกล่าวทำตาโต

"อืม ข้าลองประติดประต่อเหตุการณ์ตอนสลายคำสาบเจ้าดู ก็น่าจะเชื่อว่าที่เจ้าโดนคำสาบ 3อย่างนั้นน่าจะเป็นเรื่องจริง" เกรนเอ่ยพร้อมผ่อนกายลง

"ข้าต้องขอบใจเจ้าที่ยอมเข้าใจข้า" นางกล่าว

"แต่ข้าขอให้เจ้าเล่าเรื่องของเจ้าสักหน่อย ได้มั้ยข้าสงสัยว่าใครร่ายเวทแบบนี้ใส่เจ้า เพื่ออะไร แล้วทำไมเจ้าถึงไปอยู่ภายใต้คำสั่งของหัวหน้าโจรกระจอกนั้นได้ เพราะคนที่ร่ายคำสาบนี้ต้องมีพลังมากกว่ามันแน่ๆ" เกรนกล่าวพรางนั่งลงใต้ต้นไม้ แล้วตบมือลงพื้นด้านข้าเป็นการบอกให้นางนั่งลงตรงนั้น

นางจึงเดินไปนั่งลงด้านข้างเขาแล้วกล่าวเรื่องราวของนางออกมา

"ข้ามีนามว่า 'อายะ' เกิดในหมู่บ้านแห่งหนึ่งทางทิศตะวันออก พ่อข้ารับราชการส่วนแม่ข้านั้นเสียตั้งแต่ขายังเล็ก ข้าได้รับการเลี้ยงดูเช่นเด็กชายทั่วไปจนข้าอายูได้ 10ปี พ่อข้าจึงเรียกข้าเข้าพบที่ห้องแล้วพาลงไปห้องลับใต้ดิน ท่านทำการลงคำสาบให้ข้ามีกายเป็นชาย เพราะที่นั้นมีกฏว่าต้องส่งลูกสาวเข้ารับการคัดเลือกเข้าไปรับใช้ในวังหลวง แต่ท่านไม่ต้องการให้ข้าไปจึงทำเช่นนี้"

"ฮู้ โดนมาตั้งแต่เด็กเลยแฮะ" เกรนเอ่ยขึ้นขัดทำให้นางมองหน้าเขาทีหนึ่ง

"เออ ข้าชื่อเกรน เรียกแบบนั้นหละสั้นดี จะ เจ้าเล่าต่อไปสิ แหะๆ" เกรนกล่าวแก้ตัวด้วยการแนะนำตนเอง เอามือลูบผมตัวเองไปด้วย นางจึงถอนใจหันมาเล่าต่อ

"ตั้งแต่นั้นมาข้าก็มีชีวิตในฐานะชายคนหนึ่งมาตลอด แต่ยังไงในใจข้าก็ยังเป็นหญิงนะ ช่วงนั้นข้าต้องฝึกวิชาที่ถ่ายทอดจากท่านพ่ออย่างหนักจนอายุเข้า 15ปี ข้าก็โดนเรียกตัวไปรับใช้ราชการชั่วนั้นข้าก็ทำงานตามหน้าที่ปกติจนวันหนึ่ง ในตอนเย็นมีพวกทหารเข้ามาล้อมบ้านข้าแล้วบอกว่าพ่อข้าโดนจับเพราะแอบปิดบังความจริงที่ว่าข้าเป็นหญิง แต่ปลอมเป็นชายด้วยเวทคำสาบหนีการคัดเลือกเข้ารับใช้วังหลวงแต่พ่อข้าไม่ยอมเกิดการต่อสู้ขัดขืน ซึ่งข้าก็ร่วมสู่กับท่านพ่อด้วย แต่สุดท้ายพวกเราก็ต้องพ่ายให้แก่กำลังที่มากกว่ามากนักของทางการ ท่านพ่อส่งข้าหนีออกมานอกเขตหมู่บ้านผ่านช่องทางลับ แต่ตัวท่านกลับอยู่ปักหลักถ่วงเวลาให้ข้าได้หนีไปไกลขึ้นไปอีกแทน ข้าที่ไม่ยอมจึงโดนจับพาดสลบไปพอตื่นอีกครั้งก็มาอยู่ที่เขตแดนของภาคกลางแล้ว ตอนนี้มีเพียงผู้ติดตามช่วยข้าเพียง 2คนเท่านั้นทั้งสองเล่าเหตุการณ์ตอนที่ข้าสลบไปให้ฟังว่าที่จริงมีผู้ติดตามากกว่านี้แต่ระหว่างทางได้สละตนล่อเพื่อให้ข้าได้หนีจนข้ามแดนมาได้ ข้าจึงได้แต่ร่ำไหให้พวกเขาเท่านั้น จึงเดินทางสู่ภาคกลางหมายตั้งตนใหม่ รอวันที่จะแก้แค้นพวกที่ฆ่าพวกพ้องข้า"

มาถึงตรงนี้เกรนเห็นในตานางสั่นไหว จึงกล่าวออกไปโดยไมม่ทันคิด

"เจ้ายังดีกว่าข้านัก" นางหันไปมองหน้าเกรนแล้วอ้าปากจะพูด แต่เกรนกับชิงเอ่ยก่อน

"พ่อแม่ขาทิ้งข้าไปตั้งแต่ยังเด็ก แล้วไม่กลับมาอีกเลย ข้าต้องทนอยู่คนเดี่ยวถึงแม้ท่านจะทิ้งบ้านหลังเล็กกับเงินเล็กน้อยให้แต่ด้วยความเป็นเด็กไม่นานก็หมดไปข้าต้องเร่ร่อนเก็บของเก่าขาย เก็บเศษอาหารกิน ปากกัดตีนถีบตั้งแต่ 5-6ขวบเลยนะ ข้านั้นไม่ได้แม้แต่จะลาพวกท่านขนาดตอนนี้หน้าพวกท่านข้ายังจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แต่เจ้าได้กล่าวลาได้จดจำท่านไม่ใช่หรือ"

"อืม" เป็นนางที่ครางในคอบาๆออกมาเหมือนเข้าเขา

"ข้านะเคนแค้นที่พวกท่านทิ้งข้าไป แค้นตนเองที่วันนั้นทำไมไม่ได้ติดตามพวกท่านไปด้วย แค้นพวกเพื่อนท่านที่หนีกลับมาแล้วไม่พาพวกท่านมาด้วย แค้นผู้คนไปหมด ไม่รู้เมื่อไหร่จากที่แค้นมากๆจนกลายเป็นไม่สนอะไรเลยไปได้ ซึ่งเมื่อข้าโตขึ้นเข้าใจอะไรมากขึ้นข้าก็ทำใจได้ ถึงไม่หมดก็เถอะนะ 555"

"ท่านตัดได้หรือ"

"ไม่รู้สิ คงเพราะข้ายังอยากมีชีวิตอยู่มั้งเลย คิดได้ว่าถ้ายังมัวแค้นอยู่อย่างเดี่ยวคงทำอะไรไม่ได้ ต้องหาทางอื่นๆดู 555  นี้นอกเรื่องเจ้ามาแยะแล้ว เจ้าเล่าเรื่องของเจ้าต่อสิ" เกรนกล่าวติดตลกออกมาเตือนนาง

"อะ เออ จริงสินะ" นางกล่าวไปมองหน้าเขาทีหนึ่ง แล้วหันไปมองท้องฟ้าเล่าเรื่องของนางต่อ

"จากนั้นพวกเราก็เริ่มตั้งตัวใหม่ทีดินแดนภาคกลางนี้ ทั้งรับจ้างข่นของ ล้างจาน แบกหาม สารพัดที่จะทำได้จนพอตั้งตัวได้ในไม่นานแต่ก็เกิดเหตุการณ์บุกปล้นหมู่บ้านที่พวกข้าอยู่จนได้ทางการไม่สามารถส่งกำลังมาช่วยได้ คนในหมู่บ้านบ้างที่ต่อสู่ขัดขืนก็โดนฆ่าตาย ที่ยอมก็โดนจับไปเป็นทาสส่งขายจำนวนมาก พวกข้าที่ต่อต้านต่างโดยจำนวนที่มมากกว่าสังหารไปหมดเหลือข้าคนเดียว ด้วยความสามารถด้านวิชาสายจิตของข้า เจ้าหัวหน้าโจรนั้นได้ให้คนๆหนึ่งที่มากับมันด้วยร่ายเวท 'กายสวามิภักดิ์' ใส่ทำให้ข้าต้องทำตามคำสั่งของอีกฝ่ายโดยขัดไม่ได้ ส่วนจิตของข้านั้นโดนกดไปอยู่ภายในไม่สามารถต่อต้านได้เลย ข้าได้เห็นพวกนั้นให้ข้าทำเรื่องชั่วร้ายมากมาย แต่ก็ไม่สามารถขัดได้แม้แต่น้อยจนมาเจอเจ้านี้หละ"

"อืม ที่เจ้าเล่ามามีสองคำสาบ แล้วอีกอันหละ มันคืออะไร ข้ารู้สึกได้ตอนที่ข้าสลายคำสาบมีถึงสามเลยนะ" เกรนเมื่อฟังจบก็เอ่ยอย่างสงสัย

"เอ๋ เจ้าว่ามีสามหรือที่ข้าจำได้มีแค่นั้นจริงๆ ข้าไม่ได้เล่าปิดบังเจ้าเลยแม้แต่น้อย" นางกล่าวสายตานั้นดูไม่น่าปดแม้แต่น้อย

"เจ้ามีความรู้สึกอะไรแปลกไปจากเมื่อก่อนมั้ยหละ" เกรนลองถามดู

"ข้าไม่รู้สึกแปลกอะไรเลย"

"อืม แปลกดี แต่ชั่งเถอะ ถ้าเช่นนั้น เจ้าจะทำอย่างไรต่อไปหละ" เกรนหันไปมองหญิงด้านข้าง

"ข้ายังไม่รู้เลย" นางกล่างพร้อมส่ายหน้า

"งั้นหรือ เจ้าสนใจจะร่วมเดินทางไปกับพวกข้าดูมั้ยหละ" เขาเอ่ยชวน

"แต่ข้าเป็นคนที่เคนอยู่กับกองโจร ถ้าไปกับพวกท่านคงโดนทางการล่าได้"

"นั้นมันเจ้าเมื่อก่อนนิ" เกรนเตือนนาง

"เอะ จริงๆด้วยตอนนี้ข้ากลับเป็นหญิงไปแล้ว"

"ใช้ แล้วเจ้าว่าไงหละ"

นางนั่งมองไปยังท้องฟ้าคิดอยู่นาน แต่เกรนก็ยังนั่งมองนางอย่างใจเย็นรอคำตอบอยู่จากปากนาง เขาคิดว่านางมีฝีมือระดับหนึ่งน่าจะชวยเขาดูแลมิเรนขณะที่ตนต้องออกไปล่าสัตว์หรือทำอะไรอื่นๆได้ เมื่อต้องจากกับพวกสมชายไปแล้ว

"อืม ข้าขอรบกวนเจ้าด้วยหละกัน" นางตอบตกลงในที่สุด พร้อมมองไปยังเกรน

"เยี่ยม" เกรมยิ้มกว้างอย่างดีใจที่ได้เพื่อนร่วมทางที่มีฝีมือมาเพิ่ม ส่วนนางคิดว่าชายตรงหน้านี้แปลกดีไม่มีอารมณ์เคลืองนางที่ก่อหน้านี้จะฆ่าจะแกงกันอยู่หลักๆ กับดีด้วยจนน่าใจหาย อีกทั้งแววตาจริงใจนั้น กะตุ้นอารมณ์ส่วนลึกๆนางอย่างประหลาดด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น