วันอังคารที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

การเดินทาง 20 - ข่าวร้าย

ไม่นานทั้งสองก็เดินกลับมายังจุดตั้งเต็นของเกรน

เขาพานางไปแนะนำและเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พวกสมชายและมิเรนฟังแต่ไม่ได้เล่าประวัตินางทั้งหมดรวมถึงเรื่องคำสาบที่สามที่เกรนยังไม่รู้ว่าคืออะไรด้วย

"เรื่องมันก็เป็นแบบนี้หละ" เกรนกล่าว

"งั้นไอ้หัวโจกพวกนี้ก็หนีไปได้สินะ" สมชายสรุปง่ายๆแล้วชี้ไปที่กองโจรที่โดนมัดด้วยเชือกอย่างแน่หนานั่งกองกันอยู่

"ข้าต้องขอโทษพวกท่านด้วยจริงๆ" อายะที่เงียบมานานได้เอ่ยขึ้น

"ไม่เป็นไรหลอก แม่นางท่านน่าสงสารมากกว่าด้วยซ้ำ" สมชายเอ่ย

"เมื่อเข้าใจกันแล้ว ข้าขอตัวไปจัดการเต็นข้าซักหน่อยนี้ก็ใกล้สว่างซะแล้ว" เกรนกล่าว

"นั้นสิ เอางี้พวกเจ้าไปนอนอีกสักหน่อยแล้วค่อยออกเดินทางกันไม่งั้น จะแย่เอานะ ถึงจะไปถึงหมู่บ้านช้ากว่าที่กำหนดซักหน่อยคงไม่เป็นไรหลอก" สมชายเอ่ย

"ข้าว่าเราออกเดินทางให้เร็วขึ้นจะดีกว่าไม่รู้ว่าหัวหน้าโจรนั้นจะไประดมพวกมาแก้แค้รหรือเปล่า" เกรนเอ่ย

"ข้าสนันสนุน ท่านเกรนคะ เพราะที่จำได้ฐานพวกนั้นก็อยู่ไม่ห่างจากที่นี้มากนัก" อายะเอ่ย

"เช่นนั้นหรือ อืม" สมชายกล่าว แล้วหันไปมองลูกน้องตน

"ก็ดีนะคะ จะได้ส่งตัวคนเจ็บไปรักษาดีๆด้วย" เป็นคุณหนูนาริสาที่เอ่ยขึ้น

"ถ้าคุณหนูว่าเช่นนั้นก็ได้ พวกเราเดี่ยวมาร่วมกินข้าวเช้ากัน แล้วแยกไปเตรียมตัวเดินทางกัน" สมชายสรุป

ทุกคนขานรับ แล้วแยกย้ายกันไปทำอาหารเช้าแบบง่ายๆ มานั่งกินกันระหว่างนั้นสามสาวก็ดึงตัวอายะเข้าไปในเต็นกินอาหารเช้าไปสัมภาษณ์ทำความรู้จักนางไปด้วยเป็นเสียงดังสนุกสนาน ส่วนเกรนที่นั่งกินกับพวกสมชายด้านนอกก็ปรึกษาเรื่องโจรกันว่าจะทำอย่างไรดี

"คงต้องคุมตัวไปจนถึงหมู่บ้านแล้วค่อยส่งตัวให้ทหารดูแลต่อไปหละ" สมชายกล่าว

"เสียดายเหมือนกันที่ไม่ได้ไปเมืองใหญ่ คงได้ค่าหัวกันอยู่" มีคนหนึ่งเอ่ยขึ้น

"555 ดวงคงไม่สมพงกับรางวัลค่าหัวหละมั้ง" ชายอีกคนเอ่ยตลก

"เอาน่าๆ พวกเราแยกย้ายกันไปเก็บเต็นของตนเองแล้วมาสมทบกัยที่รถม้าซะ นายสองคนอย่าลืมกลบฟืนไฟด้วยหละ"

แล้วทั้งหมดก็แยกย้ายกันไปจัดการงานของตน เกรนเดินไปจัดการกับเต็นของของตนจนเสร็จสับแล้วกลับมายังรถม้าที่ตอนนี้สมชายเอาม้ามาเทียบรถเสร็จแล้ว ส่วนพวกที่เหลือก็แบ่งกลุ่มออกไปคุมพวกโจรที่จับได้ให้เดินเท้าตามหลังรถม้าไป จากนั้นทั้งคณะก็เริ่มออกเดินทางต่อ ซึ่งระหว่างทางนั้นไม่พบอะไรผิดปกติ หรือพวกโจรจะตามมารังควานอะไรอีก ทำให้คณะสามารถเดินทางไปยังหมู่บ้านที่หมายได้ก่อนเที่ยงวันพอดี

สมชายที่หลังจากเปิดห้องพักแล้วได้ขอตัวนำตัวโจรที่จับกุมได้ไปส่งให้แก่ทหารประจำหมู่บ้านก่อน ส่วนเกรนนั้นได้เช่าห้อง2ห้องให้มิเรนนอนกับอายะ ส่วนตนแยกนอนอีกห้อง หลังจากที่เขาเก็บสัมภาระเสร็จก็ออกเดินเล่นยังตลาดเล็กๆของหมู่บ้านแห่งนี้พร้อมพวกสาวๆ

เมื่อเข้าถึงตัวตลาดเกรนเลือกนั่งพักที่ร้านน้ำชาข้างทาง ปล่อยให้สาวๆออกเดินดูของกันเอง โดยกำชับมิเรนว่าถ้าต้องการให้ช่วยเหลืออะไรก็ติดต่อผ่านทางจิตได้ตลอดและอย่าเดินเล่นจนเลยระยะที่นางสามารถออกห่างเขาได้ด้วย  หลังจากที่เกรนนั่นและสาวๆออกไปแล้วเขาก็สั่งน้ำชาขนมมาชุดหนึ่งแล้วรวมกระแสจิตกับปราณขยายการรับฟังให้ไกลขึ้นเพื่อรับฟังข้อมูลที่มีคนพูดคุยกันในร้านและรอบๆ เพราะเขาต้องการเก็บข้อมูลทั่วไปของแดนใต้เผื่อได้ใช้ในอนาคต

ซึ่งข้อมูลที่ได้นั้นมีมากมายตั้งแต่ด้านผลผลิตของแดนใต้ที่ไม่สู่ดีนัก การปล้นชิงที่เกิดขึ้นบ่อยมากขึ้น การข่นย้ายสินค้าจากทางเหนือ การส่งออกโดยร่วมที่ตกลง การเคลื่อนไหวของราชสำนักแดนใต้ แต่มาสนใจตรงที่ว่า ข่าวการล่มสลายของสำนักคุ้มกันอันดับสาม ซึ่งชื่อมันคุ้นๆอย่างมาก

"อุวะ ช่วงนี้มันแย่จริงๆ พวกโจรออกมาเพ่นพ่านมากขึ้นพวกสำนักคุ้มกันใหญ่มีฝีมือก็ขึ้นราคาค่าจ้างอีก แบบนี้ไม่ไหวนา"

"ใช้เลยนี้ข้ากัดฟันจ่ายเลยถึงของของได้ถึงนี้อย่างปลอดภัย"

"555 พวกเจ้าเอาแบบข้าสิ ร่วมกลุ่มกันจ้างแล้วออกมาพร้อมกันมันถูกลงไปแยะพอสมควรหละนะ"

"ก็เจ้าว่าได้นิ ของเจ้ามันสินค้าเครื่องประดับ ไม่เหมือนของพวกข้าที่เป็นพวกอาหารผักผลไม้คงรอให้ร่วมกันจ้างไม่ไหวหลอก แถมขึ้นราคาซะ"

"ใช่ๆ ราคานะถึงร่วมกันจ้างมันก็ยังแพงอยู่ดี ถ้านับจากกำไรที่พวกเราได้จากการขายของไปแล้ว แทบเหลือน้อยมากเลยไม่ไหวๆ"

"อือ ก็จริงของพวกเจ้านะ แล้วนี้พวกเจ้าคงอยู่ที่นี้ต่อจนขายหมดเลยสิ"

"ก็คงงั้นถ้าจะไปต่อคงต้องจ้างพวกมันอีก อย่างงี้คงไม่ไหวขาดทุนพอดี"

"อือ ต้องทนขายดูที่นี้หละอย่างน้อยก็น่าจะเท่าทุนอยู่บ้าง"

"นี้ถ้าพวกสำนัก 'สิงห์คะนองเดช' ไม่โดนพวก 'สมิงคำราม' กับ 'ฟ้าไร้ปราณี ' ร่วมมือกันบุกถล่มนะ สถานการณ์คงไม่แย่แบบนี้แน่ๆ"

"นั้นสิ แต่โลกเราก็แบบนี้หละ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก"

"แต่ที่น่าโมโหก็ราชสำนักไม่ติดตามเอาความอะไรเลย บอกซะเป็นเรื่องระหว่างสำนักเอง และไม่ได้ทำร้ายประชาชนด้วย"

"เฮ่ย ถึงไม่โดยตรงแต่ก็โดนอ้อมๆหละว้า พอสำนัก 'สิงห์คะนองเดช' ล่มไปพวกโจรก็เพิ่มขึ้นทันตาเลย แถมอีกสองสำนักใหญ่ก็ขึ้นราคาค่าจ้างอีก แบบนี้โดนพ่อค้าประชาชนเต็มเลยตั้งหาก"

"เฮ่ย พูดไปก็แค่นั้นหละ"

"ข้าคงต้อขอตัวไปดูร้านต่อหละ ปล่อยให้เมียดูน่าแล้วเดี๋ยวโดนด่าหูชาได้"

"อืมๆ ข้าไปด้วยจะไปดูว่ามีร้านไหนยังต้องการผักสดอีกมั้ย เผื่อจะขายได้อีกซักนิด"

"งั้น ข้าจะอยู่กับใครหละ งั้นข้าไปดูร้านค้าเพชนดีกว่าเผื่อมีแลกเปลี่ยนของกันได้บ้าง"

จากนั้นพ่อค้าสามคนนั้นก็เรียกเก็บเงินแล้วเดินแยกย้ายกันไป เกรนที่ฟังอยู่ก็นึกขึ้นได้ว่าชื่อสำนัก 'สิงห์คะนองเดช' มันเป็นสำนักสังกัดของพวกสมชายนี้เอง จึงเรียกเก็บเงินแล้วออกตรงไปยังสถานทำงานของกองกำลังทหารประจำหมู่บ้านทันที โดยส่งกระแสจิตไปบอกมิเรนว่าจะไปคุยธุระกับสมชายสักหน่อยถ้าพวกนางเดินเสร็จแล้วให้ไปนั่งรอที่ร้านน้ำชาก่อน

เกรนเดินไม่นานก็มาถึงหน้าสถานทำงานของกองกำลังทหารประจำหมู่บ้าน เขาก็เห็นสมชายกับพวกยืนเกาะกลุ่มคุยกันเคลียดข้างหน้าพอดี จึงตรงรี่เข้าไปหา

"สมชายข้ามีเรื่องจะบอกท่าน เกี่ยวกับสำนักของท่านนะ" เกรนกล่าวด้วยความเป็นห่วง

"หืม เกรนหรือถ้าเรื่องยั้ยพวกข้ารู้แล้ว เมื่อกี้ถามไถ่สถานการณ์แดนใต้จากพวกทหารมานะ" สมชายว่า

"งั้นหรือแล้วพวกท่านจะทำเช่นไรหละ"

"ข้าก็ยังไม่แน่ใจ ต้องลองสืบหาข้อมูลให้มากกว่านี้สักหน่อย"

"เป็นเช่นนั้นหรือ ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้นะ ข้าเต็มใจช่วยเสมอ" เกรนกล่าวพรางยิ้มนิดให้กำลังใจอีกฝ่าย

"อืม ถ้าถึงเวลานั้น แล้วจำเป็นจริงๆข้าต้องขอรบกวนเจ้าหละ" สมชายรับคำ

"มันแน่อยู่แล้ว" เกรนกล่าวยิ้มกว้างขึ้น

"งั้นพวกข้าขอตัวแยกย้ายกันไปสืบข่างกันก่อนดีกว่า ไว้เจอกันตอนเย็นที่โรงพักผ่อน

"อืม โชคดีท่านถ้าข้าได้ยินข่าวอะไรเพิ่มจะไปบอกท่านตอนเย็นเช่นกัน"

"ขอบใจเจ้ามาก ข้าไปหละ" สมชายกล่าวลาเดินแยกย้ายกันไปหาข่าว

เกรนยืนมองพวกสมชายที่เดินแยกย้ายกันไป แล้วเดินกับไปยังร้านน้ำชา ก็พบว่าพวกสาวๆได้มานั่งรออยู่แล้วโดยมีขนมน้ำชาวางตรงหน้ากันครบถ้วนทุกคน เขาหยุดทำอารมณ์แปปหนึ่งแล้วเดินยิ้มเข้าไปหาพวกสาว

"เป็นไงกันบ้าง พวกเจ้าสนุกกันมั้ย" เกรนถามขึ้นแล้วเอื่อมมือไปดึงเก้าอี้โตะข้างๆมานั่งข้างมิเรน

"อืม ที่นี้มีของสวยเยอะเหมือนกัน โดยฉะเพาะพวกเครื่องประดับนะ" มิเรนที่กล่าวขึ้นคนแรก

"อืม ข้าก็ชอบนี้ไงคุณหนูยังซื้อมาสองชิ้นเลย" เบญจมาศเอ่ย พร้อมดึงสร้อยคอกับปิ่นออกมาโชว์ให้เกรนดู

"อา สวยๆ แล้วมิเรน อายะ พวกเจ้าไม่ซื้ออะไรเลยหรือ" เขาชม แล้วหันไปถามมิเรนกับอายะ

"ข้าเสียดายเงินนะ เราต้องเก็บไว้ใช้จ่ายระหว่างเดินทางอีกมาก" มิเรนเอ่ย

"ส่วนข้าแค่ท่านชอบเอาไว้แล้วให้ติดตามไปด้วยก็พอใจแล้วไม่อยากรบกวนอะไรท่านอีก" อายะที่กล่าวออกมาแบบจริงจัง

"เฮ่ย เอาเถอะ ข้าขอบใจพวกเจ้าที่นึกถึงข้าขนาดนี้" เกรนกล่าว

"แล้วท่านเกรนไปคุยอะไรกับสมชายหรือคะ" นาริสาที่เงียบมานานเอ่ยขึ้น

"อะ อา เออ คุยเรื่องโจรที่เราจับได้นะ ว่ามันเป็นพวกไหน กลบดานที่ไหน หัวหน้าเป็นใคร อะไรพวกนี้หละ" เกรนกล่าวเฉไฉไปเพราะไม่ต้องการให้นาริสารู้เรื่องสำนักในตอนนี้ เขาคิดว่าน่าจะปล่อยให้พวกสมชายเอ่ยจะดีกล่าวตนนอกแบบเขา

"งั้นหรือคะ" มิเรนรับโดยไม่สงสัยอะไร แต่อีกสามคนมองด้วยสายตาสงสัยอยู่

"555 นี้ก็ไกล้ค่ำแล้วหมู่นี้โจรมากด้วย พวกเรากลับไปยังโรงพักผ่อนเถอะ ป่านี้สมชายคงรอที่นั้นอยู่แล้ว" เกรนรีบออกตัวเปลี่ยนเรื่องทันที

"นั้นสินะคะ ข้าก็เหนื่อยด้วยเดินดูของตั้งนาน" มิเรนเห็นด้วย

"ช่วยไม่ได้นา คุณหนูคะพวกเรารีบกับตามที่ท่านเกรนว่าเถอะคะ" เบญจมาศเอ่ยขึ้น

"อืม" นาริสาตอบรับ

เกรนจึงสั่งเก็บเงินแล้วทั้งหมดพากันเดินกลับไปยังโรงพักผ่อน พอไปถึงก็พบวมชายยืนรออยู่ด้านหน้าเขาเชิญนาริสาเข้าไปยังห้องพิเศษที่ตนเช่าเอาไว้คุยเป็นการฉะเพาะกลุ่ม เกรนจึงแยกตัวกลับห้องของตนไป ส่วนมิเรนกัยอายะก็แยกไปห้องพวกตนเอง

เมื่อเกรนเข้าห้องไปแล้วจึงล็อกห้องเปิดหน้าตาระบายลม แล้วมานั่งสมาธิที่เตียงของตน เพื่อพื้นพลังที่ใช้ไปตอนผนึกอายะ สัมผัสทุกส่วนขยายความรับรู้การเคลื่อนไหวรอบตัวผ่านสายลมรอบกาย ปล่อยเวลาให้ผ่านไปอย่างช้าๆ แต่ไม่ทันใดก็สัมผัสได้ถึงคนๆหนึ่งตรงหน้าต่างห้อง คนนั้นเข้ามาทางหน้าต่างเดินตรงมายังเขาที่ยังคงอยู่ในท่านั่งสมาธิ แล้วหยุดยืนอยู่อย่างนั้นอยู่นานจนเขาสงสัย จึงต้องค่อยๆลืมตาขึ้นมอง

"อายะ เจ้ามีอะไรก็ว่ามาเถอะ ข้าสัมผัสเจ้าได้นานแล้ว"

"คะ ข้าเห็นว่าท่านอ่อนกำลังลงกว่าตอนที่ปะทะกัยข้าตอนที่โดนควบคุมอยู่"

"หืม เจ้ารู้ได้ไงหละ"

"ข้าสัมผัสได้จากการกระจายของจิตท่าน ตอนที่นั่งสมาธิคะ"

"อืม ห้องอยู่ติดกัน แต่สามารถจับกระแสจิตได้อย่างงี้เจ้าคงชำนาญด้านนี้สินะ"

"คะ สายวิชาของข้าเน้นความเร็วและเงียบ ส่วนมากจะใช้พวกจิตในการลบรอยและโจมตี"

"อืม เป็นอย่างที่เจ้าว่านั้นหละ แล้วเจ้าจะช่วยข้าอย่างไรหรือ อย่าบอกนะว่าไอ้สายด้านนี้ถ่ายทอดกันแบบลมปราณได้นะ หึหึ"

"ไม่ใช่หลอกคะ วิชาสายนี้มีข้อเสียตรงที่หากใช้มากๆจะเหนื่อย การพื้นนั้นต้องพักนอนเท่านั้น ไม่งั้นก็ช่วยทำให้ผ่อนคลายก็ช่วยได้เหมือนกัน"

"หืม ข้าก็ทำอยู่นี้ไงหละ เจ้ามีวิธีที่ดีกว่านี้หรือ"

"แน่นอนคะ"

"โอ้ว แฮะ แล้วมันเป็นไงหละ"

"ข้าสามารถใช้วิชาการนวดคลายจุดได้ มันจะช่วยให้ท่านผ่อนคลายได้อย่างมาก"

"หืม ข้าก็เคยได้ยินมาเหมือนกัน เจ้าเรียนมาหรือ"

"ใช้ ข้าเรียนมาตั้งแต่เล็กนวดให้ท่านพ่อ" นางอ่อนเสียงลงตอนท้าย

"เอะ ข้าขอโทษด้วย ที่ถามให้เจ้าต้องคิดถึงพ่อเจ้าอีก"

"มะ ไม่เป็นไรหลอกคะ ท่านจะลองมั้ยคะ"

"อืม ต้องรบกวนเจ้าด้วย"

"คะ งั้นท่านเกรนนอนคว่ำหน้าลงเลยคะ" อายะตอบรับ

เกรนหันหน้าไปนอนคว่ำหน้าลงบนเตียง ส่วนอายะก็ขยับไปยังขาของเกรนจัดท่าทางของเขา แล้วเริ่มทำการนวดตามขั้นตอนที่ตนเรียนรู้มา


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น